เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
show
พามารู้จักกับ ฉีดฟิลเลอร์ปาก คืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือหัตถการที่ช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ชุ่มชื้น อวบอิ่มมากยิ่งขึ้น โดยการฉีดสารเติมเต็มเข้าไปยังริมฝีปาก เพื่อปรับขนาดโครงสร้างปากและเพิ่มเนื้อ ให้ปากดูอิ่มเต็ม จัดการกับปัญหาปากแห้ง แตก ลอก ให้มีรูปทรงที่ดูสวยได้สมดุล ซึ่งจะใช้สารเติมเต็มจำพวก HA (Hyaluronic Acid) หรือ กรดไฮยาลูรอนิกการฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้เทคนิคการฉีดอย่างไรบ้าง ?
2 จุดสำคัญที่แพทย์ต้องใส่ใจเป็นพิเศษในรายละเอียด สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากให้ออกมาเป็นธรรมชาติ รูปทรงสวยงามและรับกับใบหน้า- บริเวณขอบปาก หรือ Vermilion border ช่วยตกแต่งขอบปากให้ชัดเจน ไม่เบลอ
- บริเวณร่องบนริมฝีปาก หรือ Philtrum : ช่วยเติมติ่งตรงริมฝีปากให้ได้เป็นรูปทรงกระจับ ทั้งแบบเกาหลีและสายฝอ
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ผลลัพธ์อยู่ได้นานกี่เดือน ?
ผลลัพธ์ที่ได้หลังการฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือนโดยประมาณ ตัวแปรสำคัญที่จะทำฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น นอกจากจะเป็นเรื่องของยี่ห้อ/รุ่นของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ในการฉีดแล้ว ยังรวมถึงการดูแลร่างกายตัวเองว่าดีแค่ไหนด้วยค่ะ เช่น หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ร้อนมาก ก็เป็นการป้องกันมิให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดสลายตัวเร็วเกินไป เป็นต้นการฉีดฟิลเลอร์ปาก มีขั้นตอนเป็นยังไงบ้าง ?
- ควรติดต่อทำนัดกับทางคลินิก เพื่อเข้าไปปรึกษาแพทย์ที่มีความชำนาญ ประเมินใบหน้าและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกทรงปากแบบไหนจึงจะเหมาะสมและรับกับใบหน้า ช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากในแต่ละเคส
- แพทย์ช่วยประเมินรูปทรงปากที่เราอยากได้ แนะนำการเลือกใช้ฟิลเลอร์ ยี่ห้อ/รุ่นที่เหมาะสมกับปัญหาริมฝีปาก และเหมาะกับรูปทรงปากที่เราต้องการปรับแต่ง
- สำหรับใครที่แต่งหน้าทาปากมาในวันฉีด ทางคลินิกจะช่วยทำความสะอาดบริเวณจุดที่จะฉีดให้ก่อน
- ขั้นตอนการฉีดยาชา และในผู้ที่กลัวเจ็บมาก เจ้าหน้าที่ของทางคลินิกจะช่วยแปะยาชาเพิ่มเติมให้ด้วย
- ก่อนฉีด คุณหมอจะแกะกล่องใหม่ให้เราเห็นต่อหน้า สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้ เพื่อความมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยได้มาตรฐาน
- คุณหมอทำการฉีดฟิลเลอร์ปาก รวมถึงค่อย ๆ ปรับรูปทรงปากให้ได้ตามที่ร่วมกันออกแบบไว้ก่อนหน้านี้
- ในระหว่างขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะมีการประคบน้ำแข็ง เพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บระหว่างการฉีด รวมถึงช่วยลดอาการบวมที่อาจเกิดขึ้น
- หลังฉีดเรียบร้อยแล้ว คุณหมอให้คำแนะนำวิธีการดูแลตนเอง เพื่อช่วยให้ฟิลเลอร์ปากสามารถคงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น และ filler เข้าที่ไวขึ้น
- ทางคลินิกจะนัดติดตามผล หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปากครบหนึ่งเดือน เป็นช่วงที่ริมฝีปากเข้าที่แบบเต็มที่แล้ว
ขั้นตอนการดูแลตัวเอง หลังจากฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ดื่มน้ำมาก ๆ ในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ปากได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้เนื้อฟิลเลอร์อิ่มฟูขึ้น สามารถคงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
- เพื่อป้องกันอาการบวม หรืออักเสบของริมฝีปากหลังฉีด ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มร้อน และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมรวมถึงการออกกำลังกายหนัก ๆ เพื่อป้องกันริมฝีปากมิให้เสียรูปทรง
- งดการดึง หรือลอกหนังบริเวณริมฝีปาก เพราะอาจส่งผลให้ผิวเก็บกักน้ำและความชุ่มชื้นไว้ได้น้อยลง เป็นการทำร้ายผิวริมฝีปากให้สุขภาพผิวแย่ลงได้
ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับดีไหม ? เหมาะกับใครบ้าง
ฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย หน้าดูไม่บึ้ง ช่วยแก้มุมปากตก
ในทุกวันนี้ ผู้คนนิยมฉีดฟิลเลอร์ปากกันเยอะขึ้น ทั้งเพื่อการปรับรูปทรงให้เป็นปากกระจับสวย ๆ และเติมความชุ่มชื้น แก้ปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับริมฝีปาก อาทิแก้ปัญหาปากไม่เท่ากัน ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยให้ริมฝีปากบน-ล่างดูสมมาตรมากขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่อยากแก้ปัญหาริมฝีปากบางเกิน ปากไม่ได้รูป ดูไม่สมมาตร ปากล่าง-ปากบนไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสมกัน
- ฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อเติมความชุ่มชื้น ลดปัญหาทาลิปสติกแล้วตกร่อง ไม่เรียบเนียน เพราะริมฝีปากแห้งแตกเป็นร่องลึก
- คนที่อายุเยอะขึ้น มักพบปัญหารอบปากเป็นร่องลึก เหตุเพราะร่างกายสร้างคอลลาเจนลดน้อยลงเรื่อย ๆ ตามวัย ส่งผลให้ใบหน้ายิ่งดูโทรม
- เหมาะกับคนที่อยากฉีดเติมปากเพื่อปรับรูปทรงปากตามที่ต้องการ เช่น ฉีดปากกระจับทรงเกาหลี ปากอิ่มมาก ๆ แนวสายฝอ แต่ไม่อยากผ่าตัดศัลยกรรม เพราะไม่อยากเจ็บตัวเยอะ หรืออยากปรับเปลี่ยนรูปทรงปากให้ทันสมัยได้เรื่อย ๆ
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก และแก้ปัญหาปากบางเกินไป
เลือกฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี ?
3 ยี่ห้อหลัก ๆ ที่เป็นฟิลเลอร์ตัวที่คุณหมอแนะนำว่าเหมาะสำหรับใช้ฉีดเติมเต็มริมฝีปาก จะประกอบไปด้วย ยี่ห้อ Juvederm, Restylane และยี่ห้อ Belotero สาเหตุเพราะริมฝีปากคือบริเวณที่มีการขยับเขยื้อนอยู่แทบตลอดเวลา ฟิลเลอร์ที่เหมาะจึงควรมีค่าความยืดหยุ่นสูง และไม่เสียทรงค่ะ- ฟิลเลอร์ Restylane Kysse : ฉีดแล้วอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี
- เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อใช้ฉีดริมฝีปาก
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด แต่มีความคงตัว
- สามารถสร้างขอบริมฝีปากที่ชัดเจน
- ให้ความชุ่มชื้น เติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มยิ่งขึ้น
- ฟิลเลอร์ Restylane Vital Light : ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
- ใครที่อยากแก้ปัญหาริมฝีปากแห้งสามารถเลือกฉีดรุ่นนี้ได้ค่ะ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการเพิ่มความหนาของริมฝีปากให้มากไปกว่าเดิมเยอะ
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ปาก
- ฟิลเลอร์ Restylane Volyme : ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 18 เดือน
- เหมาะสำหรับการฉีดมุมปาก ดูเป็นธรรมชาติ
- ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่มปานกลาง มีความยืดหยุ่นสูง และอุ้มน้ำ
- ฟิลเลอร์ Restylane Refyne : ฉีดแล้วอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี
- เหมาะสำหรับใช้ฉีดเพื่อช่วยเติมเต็มให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม ดูเป็นธรรมชาติ
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม และยืดหยุ่น
- ฟิลเลอร์ Juvederm Ultra Plus : ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 12 เดือน
- เหมาะกับใครที่อยากฉีดเติมปากให้ดูอวบอิ่มแบบฝรั่ง ฉีดแล้วฟูมาก
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
- ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma : ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 18 เดือน
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง แน่น ฟูปานกลาง
- เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่อยู่ได้นานที่สุด
- เหมาะกับคนที่อยากฉีดฟิลเลอร์ปากให้ดูอวบอิ่ม รวมถึงอยากให้ผลลัพธ์หลังฉีดปากคงอยู่ได้นาน ๆ
- ฟิลเลอร์ Juvederm Volift : ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 12 เดือน
- หลังฉีดแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เกิดเป็นก้อน
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ยืดหยุ่นสูง และ มีความละเอียด
- ฟิลเลอร์ Juvederm Volite : ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- เหมาะกับผู้ที่อยากเพิ่มความชุ่มชื้นให้ปาก รวมถึงต้องการเติมปากให้ดูอวบอิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ช่วยในเรื่องการเติมความชุ่มชื้น
- ฟิลเลอร์ Belotero Volume : ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 12-18 เดือน
- เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียด โมเลกุลเล็ก
- เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่ใช้ฉีดเพื่อเก็บรายละเอียดได้ดี เหมาะกับการฉีดเพื่อเติมเต็ม พร้อมทั้งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก
3 รุ่นเด่น ที่เหมาะสำหรับผู้ที่อยากฉีดฟิลเลอร์ปากให้เซ็กซี่ อวบอิ่มแบบฝรั่ง
- ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Ultra Plus (หลังฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี)
- เนื้อ filler มีความฟูเยอะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปากอวบอิ่มแนวสายฝอ
- ในช่วง 4-6 เดือนแรกหลังฉีด เราอาจคลำเจอเนื้อฟิลเลอร์นิ่ม ๆ ได้
- ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น voluma เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่อยู่ได้นานที่สุด คือประมาณ 18 เดือน
- เนื้อฟิลเลอร์จะค่อนข้างแน่น
- ในช่วง 12 เดือนแรกหลังฉีด เราอาจจะคลำไปเจอเนื้อฟิลเลอร์ได้
- ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Kysse
- เป็นฟิลเลอร์รุ่นที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้เติมเต็มริมฝีปากโดยเฉพาะ เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดแต่มีความคงตัว
- ช่วยสร้างขอบริมฝีปากที่ชัดเจน ดูอวบอิ่ม
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาแพงไหม ?
ราคา ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่แพงมาก สำหรับคลินิกที่ได้มาตรฐานราคาจะอยู่ที่ประมาณ 14,000 – 16,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าเลือกฉีดฟิลเลอร์รุ่นไหน ยี่ห้ออะไร ซึ่งแพทย์จะช่วยแนะนำฟิลเลอร์ตัวที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาริมฝีปาก และเหมาะกับรูปทรงปากที่เราอยากได้มากที่สุดค่ะ
ฟิลเลอร์ปาก (ยี่ห้อ/รุ่น) |
ราคา / 1 cc |
1. ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Ultra Plus | 14,000.- บาท |
2. ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Voluma | 14,000.- บาท |
3. ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volift | 14,000.- บาท |
4. ฟิลเลอร์ Juvederm รุ่น Volite | 14,000.- บาท |
5. ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Vital Light | 14,000.- บาท |
6. ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Volyme | 14,000.- บาท |
7. ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Refyne | 14,000.- บาท |
8. ฟิลเลอร์ Restylane รุ่น Kysse | 16,000.- บาท |
9. ฟิลเลอร์ Belotero รุ่น Volume | 14,000.- บาท |