ฟิลเลอร์ (Filler)
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มที่ใช้เทคนิคการฉีดเข้าผิว ฟิลเลอร์ เป็นสารฮายารูโรนิก แอซิด ( Hyaluronic Acid ) หรือ HA การฉีดสารไฮยารูโรนิก แอซิด เข้าใต้ผิวหนังเพื่อไปเติมเต็มชั้นผิวหนัง
ซึ่งสารชนิดนี้เป็นสารชนิดเดียวกันที่อยู่ใต้ผิวของเรา มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำใต้ผิวในจุดที่ฉีดเข้าไปมีความชุ่มชื้น ยืดหยุ่น เติมเต็มช่องว่างให้กับเซลล์ผิว
ทำให้ผิวดูเรียบเนียน เอิบอิ่ม เต่งตึง ลดปัญหาเรื่องริ้วรอย ซึ่งคนที่มาฉีดฟิลเลอร์ ส่วนมากก็จะมีปัญหาริ้วรอยร่องลึกและมีจุดด่างดำต่างๆ ทำให้ไม่มั่นใจ
หลังจากฉีดฟิลเลอร์แล้วจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ทันที ใบหน้าแลดูอ่อนกว่าวัยอย่างชัดเจน ริ้วรอยร่องแก้ม รอยย่น เนียนเรียบ ทำให้เกิดความมั่นใจ และ ฟิลเลอร์ สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
ทำไมบางคน ฉีดฟิลเลอร์ แล้วเป็นก้อนบวม?
หากฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน แต่ขนาดก้อนไม่ใหญ่มากนัก ควรรอดูผลประมาณ 3 วันหลังฉีดก่อนว่าจะหายบวมไปได้เองหรือไม่ เนื่องจากอาจเป็นเพียงอาการข้างเคียงหลังการฉีด filler เท่านั้น อาจเป็นเพียงอาการบวมเฉย ๆ ซึ่งสามารถหายบวมได้เอง ทั้งนี้ กว่าที่ฟิลเลอร์จะค่อย ๆ ผสานรวมตัวกันกับเนื้อเยื่อของคนไข้ อาจต้องรอดูผลประมาณ 3-4 สัปดาห์ ส่วนที่เป็นก้อนจะค่อย ๆ หายไปได้เอง โดยเราไม่ควรไปนวด คลึง หรือกด สำหรับบางคนที่ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนนั้น อาจเกิดได้จากสาเหตุต่าง ๆ ได้แก่- ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีด ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอม
- ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีด
- ปริมาณฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม หรือการฉีดไม่ตรงกับตำแหน่งที่มีปัญหา
- คุณหมอที่ฉีด มีประสบการณ์/ความรู้ด้านการฉีดฟิลเลอร์ไม่เพียงพอ
- ความรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์แต่ละชนิดที่นำมาฉีด
- โครงสร้างสรีระวิทยาของร่างกายมนุษย์
- ศิลปะด้านการปรับรูปหน้า
ฟิลเลอร์ อันตรายไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ ในปัจจุบันนั้น มีความปลอดภัยสูงมาก เพราะสารที่ใช้ฉีดเข้าไปใต้ผิวของเราเป็นสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA เพื่อไปเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนังให้มีความชุ่มชื้นเอิบอิ่ม ซึ่งสารชนิดนี้เป็นสารชนิดเดียวกันที่อยู่ใต้ผิวของเรา ซึ่งมีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำใต้ผิว
แต่ถ้าสารที่เอามาฉีดเข้าผิวเรานั้น ไม่ใช่สารไฮยารูโรนิก แอซิด แต่เป็นสารชนิดอื่น ก็เป็นอันตรายกับผิวเราได้ ดังนั้น ควรไปทำกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และสถานเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน และตรวจดู ฟิลเลอร์ ทุกครั้งว่าเป็นสารชนิดใด หมดอายุหรือยัง มีมาตรฐาน อย.รับรองไหม ก็จะลดความเสี่ยงได้
อ่านข้อมูลเสริมได้ที่นี่ : ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม ? เลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีและปลอดภัย https://www.youtube.com/watch?v=f1o6EONAJTo&has_verified=1ฉีดฟิลเลอร์ ได้ที่บริเวณไหนบ้าง
ผิวหนังทุกส่วนที่มีข้อบกพร่องสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้หมด แต่ที่นิยมก็คือบริเวณใบหน้า ไม่นิยมฉีดส่วนอื่นๆ เพราะ Filler แก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก ตาตก คางย้อย ร่องแก้ม ริมฝีปากเล็ก ไม่สมมาตร
และช่วยปรับแก้ใบหน้าที่เหลี่ยม กลม ไม่ได้รูป ให้ได้รูปตามที่ต้องการ ส่วนจะฉีดตรงไหน อยู่ที่ปัญหาใบหน้าของแต่ละคน ซึ่งแพทย์ก็จะวินิจฉัยและสอบถามความต้องการของเราด้วย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ประเภทต่าง ๆ- ฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายหรือไม่ มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร พร้อมรีวิว
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม แล้วในกรณีที่จะฉีดต้องรู้อะไรบ้าง
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยอะไรบ้าง ฉีดแล้วเป็นอย่างไร
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก ครั้งแรก เตรียมตัวอย่างไร
- ฉีดฟิลเลอร์ขมับ อันตรายอย่างที่คิดไหม ทำแล้วดียังไง
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก อันตรายไหม ในกรณีที่อยากทำจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
- ฉีดฟิลเลอร์จมูก ทรงจมูกสวย ไม่ต้องศัลยกรรม
ไม่กล้าฉีดฟิลเลอร์เพราะกลัวไหลไปยังส่วนอื่นของใบหน้า เป็นได้จริงหรือไม่?
1.ก่อนที่จะตัดสินใจ ฉีดฟิลเลอร์ ต้องรู้จักหาข้อมูล ต้อง รู้ว่าฟิลเลอร์ของจริง ของปลอมดูจากตรงไหน มีคุณสมบัติแบบไหน อยู่ได้นานกี่ปี เพราะถ้า Filler สะสมอยู่ใต้ผิวนานเกินไปก็จะมีการเคลื่อนตำแหน่งได้
ดังนั้นก่อน ฉีดฟิลเลอร์ ควรให้หมอแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูไปพร้อมๆกัน ฟังคำอธิบายให้เข้าใจ
หากสงสัยให้สอบถามหมอไปตรงๆ และขอเก็บกล่องกลับมาด้วย และถ่ายรูปการขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ไว้ด้วย หากต้องมีการตรวจสอบภายหลังเราจะได้มีหลักฐาน ซึ่งหมอใช้ ฟิลเลอร์ดีมีคุณภาพ เขายอมให้เราเอากลับบ้าน และถ่ายขั้นตอนการทำได้อยู่แล้ว
2. ควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลเหมาะกับผิวของเรา แต่ละจุดจะใช้ฟิลเลอร์ต่างชนิดกัน เช่น หางตาใช้ตัวหนึ่ง ร่องแก้มใช้ตัวหนึ่ง เพราะผิวแต่ละจุดมีความละเอียดไม่เหมือนกัน ถ้า ฉีดฟิลเลอร์ ที่มีความละเอียดตรงกับผิว ก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่หากใช้ฟิลเลอร์ มีความละเอียด มากกว่า หรือน้อยกว่าผิวก็จะทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัวได้ หรือคนทั่วไปเรียกว่าฟิลเลอร์ไหล
หากเข้าใกล้ความร้อนจะทำให้ ฟิลเลอร์ ละลาย จริงหรือไม่?
โดยปกติใบหน้าของเราก็จะไม่ได้สัมผัสความร้อนโดยตรงอยู่แล้ว นอกจากบริเวณริมฝีปากที่ต้องทานเครื่องดื่มหรืออาหารร้อนๆเข้าไป หากเป็นคนที่ ฉีดฟิลเลอร์ที่ปาก การดื่มเครื่องดื่มร้อนๆ และอาหารร้อนๆบ่อยๆเป็นประจำทุกวันๆ ก็อาจจะมีส่วนทำให้ฟิลเลอร์ ปากสลายเร็วกว่ากำหนด
แต่ไม่ได้สลายไปเลย หรือสลายน้อยมาก ความร้อนจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ที่ ฉีดฟิลเลอร์ ส่วนอื่นของใบหน้าเพราะไม่ได้สัมผัสความร้อนโดยตรง
การฉีดฟิลเลอร์ ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล
ข่าวดีค่ะ การฉีดฟิลเลอร์ เห็นผลชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และความสวยนั้นจะอยู่กับเราประมาณ 6-12 เดือน แต่ละคนไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและการดำเนินชีวิตของแต่ละคน และอายุก็มีผลเช่นกัน
การฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ฉีดอีก จะทำให้หน้ายิ่งเหี่ยวหนักกว่าเดิม จริงหรือไม่?
ตอบได้เลยว่า ไม่จริงค่ะ เพราะคนที่เคย ฉีด Filler แล้วไม่ฉีดอีกทำให้หน้าเหี่ยวหนักกว่าเดิม กรณีนี้น่าจะเกิดจากการดูแลตัวเองไม่ดี และมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่รักตัวเอง
เช่น ตากแดดโดยไม่ปกป้องผิว ไม่ทาครีมกันแดด ไม่กางร่ม ดื่มแอลกอฮอล์ นอนดึก เป็นประจำ และอายุมากขึ้น ต้องทำความเข้าใจว่าการฉีดฟิลเลอร์ เป็นการช่วยเติมเต็มให้ผิวให้เนียนนุ่มเอิบอิ่มขึ้น กักเก็บน้ำใต้ผิวได้ดี การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ใช่ฉีดแล้วหน้าเหี่ยวกว่าเดิม ไม่เกี่ยวกันนะคะ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
1.หลังฉีดฟิลเลอร์ 48 ชั่วโมง ไม่ควรออกกำลังกายให้เหงื่อออกมา หรือไม่ควรไปตากแดดร้อนๆนานๆ 2.หลังฉีดฟิลเลอร์ 48 ชั่วโมงไม่ควรนวด คลึง ทุบ หรือกระตุ้นแรงๆ บริเวณฉีด Filler เพราจะส่งผลต่อการเคลื่อนตำแหน่งตัวยาได้ 3.ในช่วง 4 วันแรก ควรดื่มน้ำมากๆ เพราะ Filler เป็นสารอุ้มน้ำ น้ำจะเข้าไปเติมเต็ม ฟิลเลอร์ ที่ฉีดเข้าไป น้ำจะไปจับโมเลกุลของ ฟิลเลอร์ ส่งผลให้อยู่ได้นาน และทำให้รูปหน้าและผิวดูเป็นธรรมชาติมาก 4.งดรับประทานอาหารเสริมหรือยาที่ทำให้เลือดออก เช่น วิตามินอี ใบแปะก๊วย แอสไพริน 5.ใน 2 สัปดาห์แรกไม่ควรอาบน้ำอุ่นหรือโดนน้ำอุ่นบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ หรือไม่ควรเข้าอบซาวน่า ทำเลเซอร์ เฉพาะจุด เพราะส่งผลต่อ ฟิลเลอร์ ได้ ถ้าผ่าน 2 สัปดาห์ไปแล้วก็ใช้ชีวิตตามปกติ 6.ใน 2 สัปดาห์แรก ควรงดแอลกอฮอล์ บุหรี่ การจูบเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจะอยู่ได้นานแค่ไหน?
ปกติแล้วการฉีดฟิลเลอร์จะไม่อยู่ถาวร สารไฮยารูโรนิก แอซิดจะย่อยสลายตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย ซึ่ง ฟิลเลอร์ ทีได้มาตรฐานจะอยู่ได้นาน 6-12 เดือน
แต่ถ้าเป็น ฟิลเลอร์ปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว พาราฟิน สารเหล่านี้ไม่ย่อยสลาย ถ้าฉีดเข้าไปหลายๆครั้ง เมื่อมันหมดอายุ สารนั้นจะไหลไปกองรวมกันเป็นผังผืด ข่าวร้าย ไม่สามารถฉีดให้สลายไปได้ ต้องขูดออกอย่างเดียว แค่ฟังก็เสียวแล้ว
รีวิวฟิลเลอร์ 1cc เยอะแค่ไหน
ข้อจำกัดของฟิลเลอร์ – ผลข้างเคียง
1.สำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์ ที่ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ตากแดดจัดๆ หรือข้อห้ามอื่นๆ ในช่วง 2 สัปดาห์แรก ก็อาจจะเกิดความเสี่ยงที่เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ 2.คนที่มีปัญหาเลือดออกง่าย ไม่ควรฉีด หรือหากต้องการฉีดควรแจ้งหมอก่อนการฉีดเพื่อรับคำแนะนำทีเหมาะสม 3.สตรีมีครรภ์ ให้นมบุตร ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ 4.แนะนำว่าคนที่ฉีดฟิลเลอร์ควรมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป เนื่องจากคนที่อายุน้อย ร่างกายยังมีการเจริญเติบโต มีกระบวนการสร้างเซลล์ผิวเพื่อเติมเต็มผิวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว 5.ห้ามฉีด Filler ในการเสริมหน้าอก เสริมสะโพก ฉีดเข้ากระดูก เอ็นกล้ามเนื้อ เพราะถ้าเกิดความผิดพลาด ฟิลเลอร์จะเข้าไปยังเส้นเลือดจนเกิดหลอดเลือดอุดตัน อาจถึงขั้นตาบอดได้ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์
1.สะดวก ทำได้ง่าย เห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น ทำงานต่อได้เลย 2.ปลอดภัย เพราะสารในฟิลเลอร์เป็นสารชนิดเดียวกับผิว และมีการสลายไปเองตามธรรมชาติ 3.ช่วยแก้ปัญหาผิวโทรม มีริ้วรอยร่องลึก และปรับแก้รูปหน้าได้ตามต้องการ 4.ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นรีวิวการฉีดฟิลเลอร์
รีวิวการฉีดฟิลเลอร์ โดยคุณนิโคล ที่สถาบันเสริมความงาม V Square Clinic เมื่อคุณหมอได้ตรวจวินิจฉัยใบหน้าของคุณนิโคลแล้วพบว่า ปัญหาที่เห็นได้ชัดที่ต้องแก้ไขคือใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย เพื่อให้ผิวกับมากระชับและปรับรูปหน้าให้เต่งตึงขึ้น ก็จะฉีดฟิลเลอร์ เข้าบริเวณหางตากึ่งๆบริเวณขมับ และบริเวณคางตรงจุดใต้ริมฝีปาก
ซึ่งจะช่วยดึงให้แก้มให้ตึงและปรับรูปหน้าให้ได้รูปมากขึ้นด้วย ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็น Juvederm รุ่น Voluma ข้อดีของตัวนี้คือยกหน้าได้เยอะที่สุดนานด้วย
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ให้กับคุณนิโคล คุณหมอยังแนะนำว่าก่อนการฉีดไม่ว่าจะไปสถานเสริมความงามที่ไหน คุณหมอจะต้องโชว์ผลิตภัณฑ์ filler ให้คนไข้ดูว่าเป็นฟิลเลอร์แบบไหน ยี่ห้อไหน พร้อมคุณสมบัติ วันเดือนปีที่ผลิต วันเดือนปีที่หมดอายุ และแกะกล่องออกมาใหม่ๆ
ให้คนไข้เห็นไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้คนไข้มั่นใจในการฉีดฟิลเลอร์ เลยว่าใช้ของใหม่ ของแท้ที่ได้มาตรฐาน หากเราไม่ตรวจสอบฟิลเลอร์ก่อนนำมาฉีดก็อาจจะสุ่มเสี่ยงที่เจอของปลอมได้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อคนไข้
หลังการฉีดฟิลเลอร์ หนึ่งข้าง เมื่อเปรียบเทียบกัน ใบหน้าข้างที่ ฉีดฟิลเลอร์ จะกระชับเต่งตึง ตรงหางตาค่อนๆไปทางขมับดูเอิบอิ่มขึ้น ปัญหาร่องหางตาในตอนแรกหายไป ใบหน้ายกขึ้นและได้รูป ดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใบหน้าอีกข้างหนึ่งก็จะเห็นว่ามีร่องหางตา หางตาตก ผิวหนังหย่อน ซึ่งทำให้ดูแก่ก่อนวัย
เมื่อฉีดทั้งสองข้างเสร็จก็จะเห็นว่าใบหน้าของคุณนิโคลตรงแก้มยังตอบอยู่ คุณหมอจึงใช้ ฟิลเลอร์ ของ Restyrane รุ่น Volyme ซึ่งเนื้อมีความละเอียดไม่ฟูเยอะ เหมาะกับการเก็บละเอียดให้ผิวดูเรียบเนียน เช่น แก้มตอบ หน้าฝาก ร่องมุมปาก ส่วนมากหมอก็ใช้ตัวนี้เพื่อเก็บรายละเอียดปัญหาผิวหน้า
หลังจากเก็บรายละเอียด ผิวหน้าคุณนิโคลก็ดูยกกระชับชึ้น ได้รูปใบหน้าที่ชัดเจน ปัญหาร่องหางตา ร่องแก้ม แก้มตอบ ผิวที่หย่อนคล้อยก็จะหายไป ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย เพราะฟิลเลอร์เข้าไปเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวให้ผิวเอิบอิ่มดูมีสุขภาพดีและดูเด็กอยู่เสมอ
หรือถ้าหากว่าใครยังไม่รู้ว่าจะไปฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี ละก็ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่ง Pantip หรือ คลินิกต่าง ๆ ขอบคุณเนื้อหาจาก Roselin wellness Center , Kongju_ Clinic Like Share Amarante Clinic ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟิลเลอร์ได้ที่นี่ https://www.akerufeed.com/beauty/fillet-under-the-eyes