
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ปัญหาร่องแก้มลึก เกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่มาจากอายุที่มากขึ้น โครงสร้างภายในผิวมีการเสื่อมสภาพลง ดังนั้นการจะแก้ปัญหาร่องแก้มจึงต้องทำโดยแก้ไขในผิวชั้นลึก ถ้าดูแลหรือบำรุงผิวชั้นบนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจึงเป็นทางเลือกที่หมอความงามแนะนำในการแก้ปัญหาร่องแก้มจากต้นเหตุ
ในบทความนี้เราจะมาจำแนกปัญหาร่องแก้มต่าง ๆ และวิธีแก้ไขด้วยหัตถการทางการแพทย์ ว่ามีวิธีไหนบ้าง ช่วยลดร่องแก้มลึกได้อย่างไร ?
สาเหตุของการเกิดร่องแก้มลึก

ร่องแก้มลึก เป็นลักษณะของเนื้อแก้มด้านบนที่หย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม ทำให้เห็นเป็นเส้นลากยาวตั้งแต่ข้างปีกจมูกถึงมุมปาก คนเราสามารถเริ่มมีร่องแก้มได้จากอายุยังน้อย โดยเกิดได้จากสาเหตุดังนี้
- อายุมากขึ้น โครงสร้างผิวมีการเสื่อมสภาพ กระดูกยุบตัว ทำให้ผิวหย่อนคล้อย
- พฤติกรรม การแสดงสีหน้า ยิ้มกว้างมาก ๆ บ่อย ๆ
- มลภาวะ แสงแดด ทำให้ผิวบางลง เกิดรอยพับได้ง่าย
- ความเครียด การสูบบหรี่ นอนดึก ทำลายสุขภาพผิว
หลายคนเข้าใจว่าร่องแก้มและร่องมุมปากคืออันเดียวกัน แต่ความจริงทั้ง 2 อย่างอยู่คนละบริเวณ โดยร่องแก้มจะอยู่บริเวณข้างแก้ม เหนือปากขึ้นไป ส่วนร่องน้ำหมาก จะหมายถึงรอยที่อยู่ข้างปากลงมาตรงบริเวณมุมปาก
วิธีแก้ปัญหาร่องแก้มลึก ด้วยฟิลเลอร์
การแก้ปัญหาร่องแก้มลึกให้เห็นผลดีและดูเป็นธรรมชาติ ต้องวิเคราะห์สาเหตุการเกิดร่องแก้มให้ชัดเจน เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงตามต้นเหตุ โดยสามารถแบ่งปัญหาร่องแก้มลึกเป็น 4 แบบ แต่ละแบบมีวิธีแก้ไขต่างกันไป ได้แก่
1.ร่องแก้มลึกจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา
เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกบริเวณใต้ตาจะเริ่มมีการทรุดตัวลง ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองที่เหนือร่องแก้ม เกิดเป็นร่องแก้มลึก สาเหตุนี้มักพับในคนอายุ 30 ปีขึ้นไป สามารถแก้ไขโดยการใช้ฟิลเลอร์ฉีดยกผิวในชั้นกระดูกบริเวณใต้ตา เพื่อดึงโครงสร้างผิวโดยรวมทั้งหมดขึ้นไปด้านบน เนื้อแก้มที่กองก็จะถูกยกขึ้น ร่องแก้มตื้นขึ้น หากมีปัญหาบริเวณร่องแก้มร่วมด้วยก็ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเพิ่มเติม เพื่อให้เห็นผลชัดเจนมากขึ้น
หากคนไข้มีสาเหตุร่องแก้มลึกจากกระดูกใต้ตาทรุดตัว แต่แก้ไขโดยการฉีดฟิลเลอร์ที่ร่องแก้มอย่างเดียว จะทำให้ปัญหาร่องแก้มลึกกว่าเดิม และทำให้เนื้อบริเวณเหนือร่องแก้มเป็นก้อน ดูผิดธรรมชาติ
2.ร่องแก้มลึกจากการยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้ม
ปัญหากระดูกร่องแก้มทรุดตัว พบได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป มักจะเป็นปัญหาร่องแก้มที่ยังไม่ลึกมาก สามารถแก้ไขโดยการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเพียงอย่างเดียว โดยแพทย์จะต้องฉีดฟิลเลอร์ลงในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อและต้องฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย ในจุดที่มีการทรุดตัวของกระดูกร่องแก้ม ไม่ได้ฉีดบริเวณร่องแก้มโดยตรง เพื่อป้องกันการดึงของกล้ามเนื้อที่ใช้ยิ้ม (หากฉีดโดนกล้ามเนื้อเมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะดึงฟิลเลอร์ให้มากองรวมกันเป็นก้อน)
3.ร่องแก้มลึกจากการยิ้มบ่อย ๆ
เมื่อเรายิ้มบ่อย ๆ กล้ามเนื้อมัดที่เกี่ยวกับการยิ้มจะแข็งแรงขึ้น จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป เกิดเป็นริ้วรอย ร่องแก้มลึก ปัญหานี้ต้องแก้ไขโดยการใช้ 2 เทคนิคผสมผสานกัน คือการฉีดโบท็อก Dermotoxin และ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม Myomodulation โดยโบท็อกจะช่วยคลายกล้ามเนื้อทำให้ไม่เกิดการดึงมากจนเกินไป จากนั้นเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดกดกล้ามเนื้อเพื่อควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อบางส่วนหลังฉีดในปริมาณที่พอเหมาะเวลายิ้มจะเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็ง
คนที่พบปัญหานี้หากแก้ไขด้วยโบท็อกหรือฟิลเลอร์ อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมด อาจทำให้ผลออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ หน้าแข็ง ยิ้มแปลก ๆ แนะนำให้ใช้โบท็อก 50% และที่เหลือใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มช่วย ก็จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติมากกว่า
4. ร่องแก้มลึกจากผิวแห้ง หรือตากแดดบ่อย
ปัญหาร่องแก้มที่เกิดจากแสงแดด มลภาวะ จะไม่ได้เป็นรอยร่องแก้มที่ลึกมาก ๆ แต่จะมีลักษณะเป็นริ้ว ๆ เกิดจากผิวชั้นบนแห้งและบางลง ควรแก้ไขด้วยการปกป้องผิวและเติมความชุ่มชื้น โดยสามารถใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้มโมเลกุลเล็กเติมความชุ่มชื้นเก็บรายละเอียดในผิวชั้นตื้นได้โดยตรง ทำให้ผิวเรียบเนียน หลังฉีดไม่เป็นก้อน
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม ?

บริเวณร่องแก้มจะมีเส้นเลือดที่สำคัญ คือ facial Artery ต่อกับ Angular Artery ที่เป็นเส้นเลือดที่ต่อและเลี้ยงไปบริเวณในลูกตา เป็นจุดที่แพทย์ต้องใช้ความระมัดระวัง จึงควรฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดต่าง ๆ เช่น ฉีดโดนเส้นเลือด ฉีดแล้วเกิดการอุดตันเส้นเลือด
เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มปลอดภัย ไม่อันตราย ต้องฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มในคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีความชำนาญ และต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้ฟิลเลอร์ Hyaluronic Acid แท้ ผ่านอย. หากฉีดฟิลเลอร์แท้แล้วเกิดปัญหาระหว่างการฉีด จะสามารถฉีดยาสลายฟิลเลอร์ Hyaluronidase ได้ทันที ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ถือว่าเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร ?
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน เกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่
- แพทย์ไม่มีประสบการณ์เพียงพอ ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มผิดชั้นผิว แก้ไม่ตรงสาเหตุของปัญหา หรือฉีดโดนกล้ามเนื้อ ทำให้ฟิลเลอร์ถูกดึงมากองเป็นก้อน
- เลือกใช้เนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับจุดที่ฉีด เพราะฟิลเลอร์มีหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีลักษณะที่แตกต่างกันไป ทั้งเนื้อแข็ง เนื้อนิ่ม เนื้อละเอียด หากใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งฉีดในผิวชั้นตื้น ก็จะทำให้เห็นฟิลเลอร์เป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติ
- ใช้ฟิลเลอร์ปลอม ซิลิโคนเหลว หรือสารที่ตรวจสอบที่มาไม่ได้ เมื่อฉีดไปแล้วอาจเห็นผลสวยงามในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสารเหล่านั้นจะเริ่มไหล ย้อน บวมเป็นก้อน ทำให้เกิดการอักเสบหรืออันตรายตามมา จึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนฉีดร่องแก้มทุกครั้งว่าเป็นฟิลเลอร์แท้
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ยี่ห้อไหนดี ?

ฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดร่องแก้ม ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้ออ่อน ทนต่อการขยับได้ดี ฉีดแล้วดูเป็นธรรมชาติ ยี่ห้อที่แนะนำได้แก่
- Juvederm Ultra Plus เนื้อนิ่มและฟูมาก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาร่องลึก
- Juvederm Voluma มีความยืดหยุ่นสูง เติมเต็มร่องลึกได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะเติมในผิวชั้นลึก
- Juvederm Volift มีความละเอียดมาก เหมาะสำหรับคนผิวบาง
- Juvederm Volux มีความยืดหยุ่นสูง ปั้นทรงสวย และคงรูปได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับฉีดร่องแก้มชั้นลึก
- Restylane Volyme เนื้อนิ่มปานกลาง และความยืดหยุ่นสูงมาก ทนการขยับได้ดี
- Belotero Intense มีความยืดหยุ่นดี ช่วยฟื้นฟูและเพิ่ม volume ของชั้นผิว
ฉีดร่องแก้ม ใช้กี่ CC ?
หากมีปัญหาร่องแก้มไม่ลึกมาก จะใช้ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 1-2 CC ก็เห็นผลการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่หากในเคสที่มีปัญหาร่องแก้มลึก หรือในคนที่อายุมาก ๆ มีการทรุดตัวของกระดูกมาก ๆ ก็ต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์เพิ่มมากขึ้น อาจใช้ 3-4 CC ขึ้นอยู่กับความลึกของปัญหา
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม อยู่ได้นานแค่ไหน ?
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับอายุของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อที่เลือกใช้ โดยปกติจะอยู่ได้ 12-24 เดือน หลังฉีดฟิลเลอร์จะค่อย ๆ สลายตามเวลา หากรู้สึกว่าฟิลเลอร์เริ่มยุบหายไปแล้ว ก็สามารถเติมเพิ่มใหม่ได้เรื่อย ๆ เพื่อรักษาผลลัพธ์ไว้ให้เหมือนเดิม

หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที ร่องแก้มจะตื้นขึ้น ริ้วรอยลดลง หลังจากนั้นอาจมีอาการบวมเข็ม บวมฟิลเลอร์ แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้น และฟิลเลอร์เข้าที่ 100% ใน 2 สัปดาห์
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาเท่าไหร่ ?
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ปกติอยู่ที่ราคาหมื่นต้น ๆ ต่อฟิลเลอร์ 1 CC โดยส่วนใหญ่คลินิกที่ได้มาตรฐาน ราคาฟิลเลอร์จะไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่อาจแตกต่างกันที่โปรโมชั่น ประสบการณ์ หรือเทคนิคของแพทย์แต่ละคน
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม vs ร้อยไหมก้างปลา

เมื่อมีปัญหาร่องแก้มลึก นอกจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หลายคนก็สนใจการร้อยไหมก้างปลาเพื่อดึงร่องแก้มขึ้น จริง ๆ การร้อยไหม ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถช่วยลดปัญหาร่องแก้มลึกได้ แต่อาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคน ทุกปัญหา โดยคนที่เหมาะกับการร้อยไหมก้างปลาดึงร่องแก้ม ได้แก่
- คนที่แก้มตอบบางเคส สามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ แต่ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงขึ้นมา แต่หากไม่มีก็ต้องใช้ฟิลเลอร์เติม
- ไม่ได้มีปัญหาร่องแก้มลึกมาก ช่วยเสริมเล็กน้อยในผิวชั้นตื้นได้เล็กน้อย
นอกจากนี้การร้อยไหมดึงร่องแก้มโดยตรงจะทำให้เนื้อขึ้นไปกองที่โหนกแก้มบวมไม่สวย ไม่เป็นธรรมชาติ และหากใช้ไหมเรียบเติมเต็มร่องแก้มก็ต้องร้อยซ้อนกันหลาย ๆ เส้นในจุดเดียวกัน จะเกิดอีลาสตินจะทับกับเป็นพังผืดแข็งและไม่เต็ม สำหรับการแก้ปัญหาร่องแก้มลึก จึงแนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพราะจะช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกได้ตรงจุดมากกว่า
หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มดูแลตัวเองอย่างไร ?
- อาจมีอาการบวมในจุดที่ฉีด แต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองใน 2-3 วัน
- หลังฉีดคลินิกจะมีการจ่ายยาแก้ปวดและลดบวมให้
- ห้ามกด นวด และพยายามอย่าขยับใบหน้ามาก ๆ ในจุดที่เพิ่งฉีดฟิลเลอร์มา
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อน และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ควรลดเลเซอร์ร้อนลงชั้นผิว 1 เดือน
- หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้ฟิลเลอร์ฟูสวย และอยู่ได้นานขึ้น

สรุป
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นวิธีแก้ปัญหาร่องแก้มลึกที่ตรงจุด และเห็นผลชัดเจน สำหรับใครที่กำลังสนใจการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ๆ คือเรื่องของความปลอดภัย โดยฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีประสบการณ์ ให้คำแนะนำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเซลล์ขายของ และควรดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย