รากฟันเทียม คืออะไร
รากฟันเทียมหรือรากเทียมก็คือ วัสดุที่ใช้ทดแทนรากฟันที่เสียไป มีลักษณะเป็นเกลียวคล้ายกับน็อต โดยทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมลงบริเวณกระดูกขากรรไกร เมื่อตัวรากเทียมยึดกับกระดูกได้สมบูรณ์จึงจะทำการยึดเข้ากับฟันปลอมเป็นขั้นตอนสุดท้าย ทำให้ดูเหมือนฟันธรรมชาติทั่วไป สะดวกมากกว่าฟันปลอมและการทำสะพานฟันที่อาจจะหลวมหรือทำให้เคี้ยวอาหารไม่ถนัด
รากฟันเทียมมีกี่ชนิด ต่างกันยังไง
รากฟันเทียม เป็นวัสดุที่ทำจากโลหะไทเทเนียม ซึ่งเป็นโลหะที่สามารถเข้ากับกระดูกและเนื้อเยื่อของมนุษย์ได้ดี และไม่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาอีกด้วย มีทั้งหมด2ชนิดด้วยกัน คือ
- รากฟันเทียมแบบผ่าตัดฝังราก เป็นรากเทียมที่ต้องทำการผ่าตัดเปิดเหงือกจนลงไปถึงกระดูกขากรรไกร เพื่อทำการฝังและยึดตัวรากฟันเทียมให้ติดอยู่กับที่ รอจนเนื้อเยื่อสมานตัวเรียบร้อยแล้ว จึงจะทำการฝังตัวฟันปลอมต่อไป
- รากฟันเทียมแบบหลอมเนื้อโลหะเป็นโครง ซึ่งจะหลอมโลหะให้มีรูปร่างคล้ายกับโครงสร้างรากฟันอันเดิมของเรามากที่สุด จากนั้นจึงจะนำมาติดที่กระดูกขากรรไกร เมื่อเนื้อเยื่อเหงือกสมานกันสมบูรณ์แล้ว จึงจะทำการใส่ฟันปลอมต่อไป
ความแตกต่างของรากเทียมทั้ง2ชนิดก็คือ ถ้าเราเลือกรากฟันเทียมแบบผ่าตัดฝังราก จะสามารถเลือกได้หลังจากที่ฝังรากเสร็จสมบูรณ์แล้ว ว่าจะทำฟันปลอมแบบซี่เดียว หลายซี่ หรือทำฟันปลอมทั้งปาก ส่วนค่าใช้จ่ายโดยประมาณจะอยู่ที่ราวๆ30,000-45,000บาทจนไปถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับคุณภาพวัสดุที่เลือกใช้และชื่อเสียงของโรงพยาบาลหรือคลินิกทันตกรรม
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดฝังรากเทียม
เริ่มต้นจากทันตแพทย์จะประเมินความพร้อมของร่างกาย มีการตรวจช่องปากอย่างละเอียด ตรวจ สอบปริมาณเนื้อกระดูกขากรรไกร ว่ามีเพียงพอสำหรับการฝังรากเทียมหรือไม่ จากนั้นทันตแพทย์ที่ชำนาญในด้านต่างๆที่เกี่ยวข้อง จะร่วมกันศึกษาและวางแผนการผ่าตัด เพราะการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมอาจจะต้องทำมากกว่า1ครั้ง ทำให้ต้องวางแผนให้รอบคอบ และตัวคนไข้ต้องปลอดภัยที่สุด
สำหรับการใช้ยาชา ขึ้นอยู่กับคนไข้แต่ละคนว่ามีความกังวลกับการผ่าตัดมากแค่ไหน มีการใช้ยาชาเฉพาะที่ ในรายที่มีความกังวลมากๆ อาจจะได้รับยาคลายกังวลหรือยาสลบ(ต้องงดน้ำและอาหารก่อนการผ่าตัด)ร่วมด้วย
ขั้นตอนการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม
การฝังรากฟันเทียม เป็นการทำหัตถการที่ใช้เวลานานพอสมควร ทุกขั้นตอนจะค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้จะได้รับความเสี่ยงน้อยที่สุด ขั้นตอนทั้งหมดแบบคร่าวๆมี5ขั้นตอนด้วยกัน คือ
- หากพบว่ามีฟันบางซี่ที่ไม่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้แล้ว อาจจะต้องทำการถอนออก
- ในรายที่มีเนื้อกระดูกน้อย จะต้องทำการปลูกถ่ายเนื้อกระดูกจากส่วนอื่นก่อน เพราะถ้าฝังรากฟันเทียมไปทั้งแบบนั้น เวลาที่เคี้ยวอาหาร แรงบดเคี้ยวจะส่งผลทำให้เนื้อกระดูกบริเวณนั้นไม่สามารถรองรับรากฟันเทียมได้ แและการฝังรากเทียมจะล้มเหลวในที่สุด
- ทำการผ่าตัดฝังรากเทียม ทันตแพทย์จะกรีดเพื่อเปิดชั้นเหงือกไปจนถึงกระดูกขากรรไกร จากนั้นจะเจาะรูและฝังตัวรากฟันเทียมลงไป
- รอให้กระดูกสมานกันแบบสมบูรณ์(อาจใช้เวลาหลายเดือน) ทันตแพทย์จึงจะใส่เดือยรองรับครอบฟันลงไป โดยยึดไว้กับรากฟันเทียม
- เมื่อเนื้อเยื่อเหงือกบริเวณนั้นฟื้นฟูตัวเองสมบูรณ์แล้ว ก็จะถึงเวลาใส่ฟันปลอมในแบบที่เราเลือกไว้ ซึ่งมีทั้งถอดออกได้และยึดติดกับรากเทียมถาวร
การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม
- ดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน
- เข้าพบทันตแพทย์ตามนัดหมายอย่างสม่ำเสมอ
- งดเคี้ยวน้ำแข็ง หรืออาหารแข็งๆ ให้ทานอาหารนิ่มๆ เคี้ยวง่าย
- งดดื่มชา กาแฟ
- งดสูบบุหรี่(สำคัญมาก)
อาการที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังการฝังรากฟันเทียม
- เหงือกและใบหน้าบวม
- ปวดแผลที่ผ่าตัด
- มีเลือดออกเล็กน้อย
ตามปกติแล้ว หลังการผ่าตัดฝังรากเทียม ทันตแพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะมาให้เราทาน เพื่อยับยั้งการติดเชื้อจากแบคทีเรียในช่องปาก แต่ทุกการผ่าตัดก็จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ เนื้อเยื่อ เส้นเลือด เส้นประสาทบริเวณที่ผ่าตัดอาจถูกทำลาย และอาจจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับไซนัสได้ ดังนั้น หากมีอาการที่ผิดปกติหรือรู้สึกว่าแผลผ่าตัดระบมมากจนทนไม่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้ ให้รีบทำการติดต่อเพื่อพบทันตแพทย์ทันที
ใครบ้างที่สามารถทำรากฟันเทียมได้
ทุกการผ่าตัดมักจะมีความเสี่ยงเสมอ ผู้ที่มีสภาวะร่างกายที่ไม่ปกติหรือมีอาการของโรคบางอย่าง จึงไม่สามารถทำการฝังรากฟันเทียมได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการผ่าตัดสูงกว่าคนปกติ ซึ่งลักษณะของผู้ที่สามารถเข้ารับการฝังรากเทียมได้ มีดังนี้
- มีฟันหลุด1ซี่หรือมากกว่านั้น
- กระดูกบริเวณขากรรไกรเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
- มีเนื้อกระดูกเพียงพอหรือสามารถผ่าตัดปลูกถ่ายเนื้อกระดูกให้มีปริมาณมากขึ้นได้
- ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือก
- แผลผ่าตัดสมานตัวได้ตามปกติ ไม่มีปัญหาแผลสมานตัวได้ช้า
- ไม่สูบบุหรี่
- สามารถเข้ารับการรักษาได้ต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด
นอกจากจะมีลักษณะตามที่กล่าวมาแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการประเมินของทันตแพทย์ด้วย ถ้ามีโรคประจำตัว มีประวัติการแพ้ยา ต้องแจ้งทันตแพทย์ด้วย เพื่อจะได้วางแผนการรักษาที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
จะเห็นว่าการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมใช้ระยะเวลานานหลายเดือน และมีค่าใช้จ่ายตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสน ซึ่งถือว่าสูงพอสมควร ดังนั้นควรเตรียมตัวและค่าใช้จ่ายให้พร้อม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่ทานอาหารที่กรอบหรือแข็ง ดูแลรักษาความสะอาดช่องปาก และเข้าพบทันตแพทย์ตามนัดหมายอยู่เสมอ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก gedgoodlife.com และ คณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล