การมีฟันขาวเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้รอยยิ้มของเราดูน่าดึงดูดและน่ามองมากขึ้น คนมองก็ชื่นใจและพลอยยิ้มตามไปด้วย แต่ถ้าหากภายใต้รอยยิ้มนั้นมีคราบฟันเหลืองที่เหมือนสีข้าวโพดซ่อนอยู่นี่สิ ทั้งเจ้าของรอยยิ้มและคนที่มองต่างก็รู้สึกเฟลพอ ๆ กัน ดังนั้นถ้าหากใครที่ไม่อยากสูญเสียความมั่นใจไปมากกว่าเดิม เราขอแนะนำให้คุณมาจักกับนวัตกรรมทางการแพทย์ที่จะทำให้ฟันของคุณกลับมาขาวใสได้นั่นคือฟอกสีฟันนั่นเอง
ฟอกสีฟัน คืออะไร
การฟอกสีฟันหรือการฟอกฟันขาวเป็นการทำให้ฟันที่มีสีคล้ำหรือมีคราบเหลืองดูขาวขึ้นด้วยสารต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับฟอกสีฟัน เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้จะไปทำปฏิกิริยากับสารที่เคลือบซี่ฟันหรือเนื้อฟันให้แตกตัวออก ส่งผลให้ฟันซี่นั้นดูขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ส่งผลต่อ เหงือกหรือโครงสร้างของฟัน
การฟอกสีฟันมีกี่แบบ
โดยส่วนใหญ่แล้วการฟอกฟันขาวจะมีด้วยกันอยู่ 5 วิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีขั้นตอนการทำและวัสดุที่ต่างกัน จะมีความแตกต่างอย่างไรบ้างเราไปดูกันค่ะ
1. การฟอกสีฟันโดยตรงกับทันตแพทย์
ถ้าจะถามว่าฟอกสีฟันแบบไหนดีที่สุด เราต้องขอตอบว่าฟอกสีฟันกับทันตแพทย์หรือที่เรียกว่า (In-office power bleaching) นี่แหละค่ะเพราะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เนื่องจากสารที่ใช้ในการฟอกสีฟันจะมีความเข้มข้นมากกว่าสารฟอกสีฟันที่ใช้ทำเองที่บ้าน และนอกจากนี้ในแต่ละโรงพยาบาลหรือคลินิกต่าง ๆ ก็ยังมีการใช้เครื่องมือที่ใช้ในการฟอกฟันขาวที่แตกต่างกันอีกด้วย เช่น
การฟอกสีฟันด้วยเทคโนโลยี Zoom ที่เป็นการใช้เทคโนโลยี LED ชนิดเข้มข้นมากระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกฟัน เพื่อให้สารนั้นซึมและกระจายเข้าสู่ชั้นผิวฟันโดยไม่ทำลายสารเคลือบฟัน ไม่กัดกร่อนเนื้อฟันให้เกิดความเสียหาย อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ใช้เวลารวดเร็วประมาณ 45-60 นาที ก็สามารถทำให้ฟันของคุณกลับมาขาวขึ้น 1 – 2 เฉด
การฟอกสีฟันด้วยเทคโนโลยี Cool Light จะเป็นการใช้แสงเย็นที่เป็นแสง LED ไปกระตุ้นน้ำยาฟอกฟันให้แทรกซึมเข้าไปในผิวฟันเพื่อขจัดคราบเหลือง ส่งผลให้ฟันขาวใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
การฟอกสีฟันแบบเลเซอร์เป็นการใช้เทคโนโลยีลำแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะและมีความร้อนต่ำ เพื่อไปกระตุ้นประสิทธิภาพของน้ำยาฟอกสีฟันให้ทำงานได้ดีขึ้น
2. ฟอกฟันด้วยตัวเองที่บ้าน
การฟอกฟันด้วยตัวเองหรือ At-home Bleaching จะเป็นการฟอกฟันขาวด้วยตัวเองที่บ้านภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ เริ่มแรกเราจะต้องไปปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำการพิมพ์ฟันและทำถาดฟอกสีฟันซึ่งถาดนี้จะเป็นแบบเฉพาะบุคคล จากนั้นทันตแพทย์จะทำการจ่ายน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นต่ำประมาณ 10% เพื่อนำกลับไปใส่ในถาดฟัน ทั้งนี้ทั้งนั้นการฟอกฟันขาวด้วยตัวเองจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทันตแพทย์เท่านั้นนะคะ เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อฟันและช่องปากได้
3. การฟอกสีฟันเฉพาะซี่
การฟอกสีฟันเฉพาะซี่ หรือ Walking bleaching จะเป็นการฟอกฟันขาวแบบเฉพาะซี่ที่ใช้ในกรณีฟันตาย ซึ่งทันตแพทย์จะทำการใส่สารฟอกสีฟันเข้าไปในตัวฟันซี่นั้นโดยเฉพาะ ไม่ได้เปลี่ยนสีทั้งปาก
4. ฟอกสีฟันด้วยผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทั่วไป
ฟอกสีฟันด้วยผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทั่วไป หรือ Over-the-counter bleaching เป็นการฟอกสีฟันที่เราสามารถหาซื้อชุดฟอกฟันขาวได้ทั่วไปตามร้านขายยาหรือซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยไม่ต้องผ่านการควบคุมและดูแลจากทันตแพทย์ เช่น ยาสีฟัน เจลฟอกสีฟัน และน้ำยาบ้วนปากสำหรับฟันขาวมีไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ความเข้มข้นต่ำเป็นส่วนประกอบ
5. การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ร่วมกับทำด้วยตัวเอง
การฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ร่วมกับทำด้วยตัวเอง หรือ In-office assisted bleaching เป็นการฟอกฟันขาวที่เราทำร่วมกับคลินิกก่อนในช่วงแรก และหลังจากนั้นทันตแพทย์จะให้กลับไปทำต่อเองที่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีที่สีฟันเริ่มเหลืองหรือเข้มมาก
การเลือกวิธีฟอกสีฟันนั้นใช่ว่าเราจะอยากทำวิธีไหนก็ได้ เพราะต้องดูจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น สีของเนื้อฟัน สภาพช่องปาก รวมไปถึงราคาในการฟอกสีฟัน แต่อย่างไรก็ตามเราได้ย้ำไปเสมอว่าความปลอดภัยนั้นต้องมาก่อน หากจะถามเราว่าจะเลือกฟอกสีฟันแบบไหนดี เราก็ขอตอบเหมือนเดิมค่ะว่าฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์จะดีที่สุด
ผลข้างเคียงจากการฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟันนั้นส่งผลให้เรามีฟันขาวใสขึ้นและยิ้มได้อย่างมั่นใจก็จริง แต่ใช่ว่าจะไม่มีผลข้างเคียงตามมา ดังนั้นเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
- อาจเกิดอาการเสียวฟันได้ในช่วงแรก และอาการจะดีขึ้นใน 1-3 วัน
- อาจเกิดเหงือกระคายเคืองเพราะน้ำยาฟอกสีฟันอาจทำให้เหงือกเกิดบาดแผลได้
หากใครมีอาการดังกล่าวก็อย่ากลัวหรือกังวลใจไปนะคะ เพราะอาการเหล่านี้สามารถหายเองได้ภายใน 1- 3 วัน แต่ถ้าหากใครที่อาการไม่ทุเลาลงหรือมีอาการที่หนักขึ้นก็สามารถแก้ด้วยวิธีการดังนี้
- ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรตหรือฟลูออไรด์ เพื่อช่วยบรรเทาอาการเสียวฟันและลดความปวดของปลายเส้นประสาท
- เว้นการฟอกสีฟัน 2 – 3 วันเพื่อให้ฟันได้ปรับตัว
- ลดระยะเวลาในการใส่ถาดฟอกสีฟันให้น้อยลง
ดูแลตัวเองอย่างไรหลังฟอกสีฟัน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์ เพราะจะทำให้ฟันมีสีเข้าง่ายและเร็วขึ้น หรืออาหารที่มีสีเข้ม หากจำเป็นต้องดื่มควรบ้วนปากหลังดื่มเสร็จทุกครั้ง
- แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอหรือใช้ไหมขัดฟัน และบ้วนปากเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหลังมื้ออาหาร
- งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เกิดคราบบนผิวฟันได้
- ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมไนเตรตหรือฟลูออไรด์เพื่อป้องกันอาการเสียวฟัน
- หากมีอาการปวดหรือเสียวฟันที่รุนแรงขึ้น สามารถทายยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ หากอาการไม่ดีขึ้นควรไปพบทันตแพทย์ทันที
- หลีกเลี่ยงอาหารเย็นจัด ร้อนจัดหรืออาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
- ควรตรวจสุขภาพช่องปากอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อให้ฟันมีสุขภาพและคงความขาวได้อย่างยาวนาน
การดูแลตัวเองหลังฟอกสีฟันไม่ว่าจะเป็นการฟอกฟันโดยทันตแพทย์หรือด้วยตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะหากคุณดูแลไม่ดีฟันของคุณก็จะกลับมาเหลืองเหมือนเดิม ดังนั้นเราควรจะรู้ถึงวิธีการดูแลตัวเองที่ถูกต้องและควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดไม่เช่นนั้นคุณได้เสียเงินฟรี ๆ แน่ค่ะ
ใครบ้างที่ไม่เหมาะจะฟอกสีฟัน
- หญิงที่อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก เช่น เหงือกร่น เสียวฟัน อุดฟัน ฟันผุ หากมีความจำเป็นควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อน
- ผู้ที่เป็นโรคปริทันต์ เช่นเหงือกอักเสบ เหงือกบวม เหงือกเป็นหนอง
- ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี เพราะเป็นช่วงวัยที่โพรงประสาทของฟันยังมีการเจริญเติบโตอยู่
- ฟันที่มีสีคล้ำจากการเกิดอุบัติเหติ
การฟอกสีฟันส่งผลให้ฟันกลับมาขาวและยิ้มได้อย่างมั่นใจก็จริง แต่ใช่ว่าการฟอกฟันขาวจะเหมาะสำหรับทุกคน ดังนั้นใครที่มีความเสี่ยงก็ควรหลีกเลี่ยงนะคะ ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด
ฟอกสีฟันแบบไหนดีที่ปลอดภัยที่สุด
ฟอกสีฟันแบบไหนดีที่ปลอดภัยที่สุด คำตอบคือควรฟอกสีฟันโดยทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ไม่ว่าจะฟอกฟันโดยแพทย์หรือฟอกฟันด้วยตัวเองก็ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นนะคะ เพราะหากทำโดยคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญหรือหากน้ำยาฟอกสีฟันไม่มีมาตรฐานตรงตามที่แพทย์จ่ายให้มาใช้เองที่บ้านก็จะมีโอกาสเสี่ยงต่อสุขภาพของช่องปาก เช่น เหงือกเกิด การระคายเคือง เหงือกอักเสบ ที่ร้ายแรงกว่านั้นคืออาจเกิดความเสียหายต่อประสาทฟันได้
นอกจากการฟอกสีฟันแล้วยังมีอะไรที่ทำให้ฟันขาวใสขึ้นได้อีกบ้าง
หากพูดถึงการฟอกสีฟันเราเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนคิดว่าเป็นสิ่งที่ยุ่งยากและที่สำคัญคือต้องมีกำลังทรัพย์ที่เพียงพอ และด้วยเหตุผลนี้แหละค่ะทำให้หลาย ๆ คนต้องทนอยู่กับฟันที่มีคราบเหลือง แต่คุณคะ! เราอยากบอกว่าวิธีที่ทำให้ฟันขาวขึ้นไม่ได้มีแค่การฟอกสีฟันเท่านั้น มันยังมีวิธีอื่นที่สามารถทำให้ฟันของเรากลับมาขาวใสและยิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง แถมยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าอีกด้วย จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันค่ะ
1. ยาสีฟันช่วยทำให้ฟันขาวขึ้นได้
ยาสีฟันที่มีคาร์บาไมด์เพอร์ออกไซด์หรือไฮโรเจนเพอร์ออกไซดเป็นส่วนผสม สามารถช่วยให้ฟันของเรากลับมาขาวสดใสขึ้นประมาณ 1 เฉดสี นอกจากนี้ยังช่วยขจัดคราบอาหารที่ตกค้างในช่องฟันได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราควรเลือกยาสีฟันที่มีฤทธิ์ไม่รุนแรงนะคะ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้
2. น้ำยาบ้วนปากฟอกฟันขาว
น้ำยาบ้วนปากฟอกฟันขาวจะคล้าย ๆ กับน้ำยาบ้วนปากตามท้องตลาดทั่วไป แต่แตกต่างกันตรงที่ตัวนี้จะมีส่วนผสมของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ซึ่งจะช่วยให้ฟันขาวผสมอยู่ด้วย
3. เจลและแผ่นฟอกฟันขาว
เจลฟอกฟันขาวจะมีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ ที่เคลือบด้วยเจลเพอร์ออกไซด์ วิธีใช้คือสามารถติดลงบนฟันได้เลย เห็นผลภายใน 2-3 วัน และความขาวจะคงอยู่นานประมาณ 4 เดือน แต่ผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างระมัดระวังและเคร่งครัด
อย่างไรก็ตามวิธีเหล่าเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ฟันขาวขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเราควรใช้อย่างระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำของสินค้าอย่างเคร่งครัดนะคะ แต่ถ้าจะให้ดีและปลอดภัยเราควรฟอกฟันขาวโดยทันตแพทย์จะดีที่สุดค่ะ
คำถามการฟอกสีฟันที่บ่อย
Q : ฟอกสีฟันเจ็บไหม
A : ในขณะที่ฟอกสีฟันจะไม่มีอาการเจ็บหรือปวดเหงือก แต่จะมีอาการเสียวขณะที่ฟอกสีฟันได้ ซึ่งมากน้อยแล้วแต่บุคคล
Q : ฟอกสีฟันแล้วฟันขาวขึ้นแค่ไหน
A : โดยทั่วไปแล้วจะขาวขึ้น 2 – 4 เฉด และขึ้นอยู่กับบุคคล
Q :ฟอกสีฟันแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน
A : ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสามารถอยู่ได้นานสุด 1 ปี
Q : จัดฟันอยู่สามารถฟอกสีฟันได้หรือไม่
A : หากใส่เครื่องมือจัดฟันติดแน่นแบบลวดโลหะ จะไม่สามารถฟอกสีฟันได้ ดังนั้นควรฟอกสีฟันก่อนทำการจัดฟันจะดีที่สุด
Q : น้ำยาฟอกสีฟันทำให้เนื้อฟันบางลงหรือไม่
A : การฟอกสีฟันไม่สามารถทำให้เนื้อฟันบางลงได้
เอาล่ะค่ะใครที่มีฟันเหลืองหรือฟันคล้ำแล้วมีความคิดอยากจะไปฟอกสีฟันบ้างคะ เราขอบอกก่อนว่าต้องศึกษาข้อมูลดี ๆ ว่าเราเหมาะที่จะฟอกฟันขาวด้วยวิธีแบบไหนที่จะดีและปลอดภัยกับเรามากที่สุด แน่นอนว่าการมีฟันขาวนั้นทำให้เรายิ้มอย่างมั่นใจ แต่เราก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยเช่นกัน การซื้อชุดอุปกรณ์มาทำเองประหยัดกว่าก็จริง แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ยั่งยืน เผลอ ๆ
สิ่งที่ได้รับกลับมาคือเสียทั้งเวลาและเงิน ดังนั้นใครที่อยากมีฟันขาวใสอีกครั้งก็พุ่งตัวไปคลินิกหรือโรงพยาบาลเลยค่ะ รับรองว่าผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน