โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อเมริกา / เกาหลี / อังกฤษ / เยอรมัน แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?

แฉหมดเปลือก-วิธีเลือกโบท็อก-กลโกงโบท็อก
ฉีดโบท็อก ยี่ห้อไหนดี

โบท็อก คือ ชื่อทางการค้าของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin type A) ที่มีการนำมาใช้ในการเสริมความงาม เป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่ชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium botulinum) มีผลออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (neurotoxin) โดยจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว

Botulinum toxin type A ในบทความนี้ ขอเรียกสั้น ๆ ว่า โบท็อก ซึ่งบทความนี้อาจมีข้อมูลวิชาการบางส่วนที่เข้าใจยากอยู่บ้าง ทั้งนี้เพื่อจะอธิบายว่า โบท็อก ช่วยอะไร แต่ละยี่ห้อนั้นต่างกันอย่างไร โบท็อก ยี่ห้อไหนดี เพื่อรวบรวมข้อมูลให้คนไข้ใช้ในการตัดสินใจในการเลือกยี่ห้อก่อนฉีดโบท็อก

ขอบคุณข้อมูล โบท็อกยี่ห้อไหนดีที่สุด อเมริกา/เกาหลี/อังกฤษ/เยอรมัน ต่างกันอย่างไร? จาก Youtube Channel: V Square Clinic

โมเลกุลของโบท็อก

โบท็อก ในแต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ ชนิด ของ protein complex, ขนาดของ molecule complex, กรรมวิธีการทำตัวยาให้บริสุทธิ์ และความคงทนในการเก็บรักษา

คุณสมบัติที่จะทำให้โบท็อกแต่ละยี่ห้อเกิดความแตกต่างกันมากที่สุด คือ ขนาดของ molecule complex (Molecule complex size)

หมอจะขออธิบายคุณสมบัติที่ทำให้โบท็อกเกิดความแตกต่างกันมากที่สุด โดยเรียงลำดับตาม A. B. C. ดังนี้

A.ขนาด ของ molecule complex (molecule complex size) ของโบท็อก

เซลล์เส้นประสาท

Molecule complex (โมเลกุล คอมเพล็กซ์) ของโบท็อก ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ๆ ดังนี้

  1. Accessories protein (750kDa) = ส่วนที่ 1 (หน่วยปกป้อง) ทำหน้าที่นำพาและปกป้องโบท็อกส่วนที่ 2 และ 3 จากจุดที่ฉีด เพื่อให้โบท็อกสามารถแพร่ไปยังปลายเส้นประสาท ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ถูกทำลาย
  2. Heavy chain (100kDa) = ส่วนที่ 2 เปรียบเสมือนกุญแจที่ทำให้โบท็อกส่วนที่ 3 สามารถเข้าสู่เซลล์เส้นประสาทได้
  3. Light chain (50kDa) = ส่วนที่ 3 เป็นโบท็อกส่วนตัวที่เป็นส่วนระงับการทำงานของกล้ามเนื้อ

ซึ่งความสำคัญของโบท็อก ส่วนที่ 1 คือ

ผลของโมเลกุลต่อการแพร่กระจาย

– หากออกแบบให้โบท็อกกระจายตัวแคบ (Botox Allergan แคบที่สุด > Botulax)

ข้อดี เหมาะกับการฉีดโบท็อกที่กล้ามเนื้อโดยตรง จะทำให้สามารถควบคุมการฉีดให้ออกมาตรงจุด แม่นยำ และข้อดีอีกอย่างคืออยู่ได้นานขึ้น เพราะส่วนที่ 3 มีความเข้มข้นสูง

ข้อเสีย การจะฉีดโบท็อกชนิดนี้ให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดูเป็นธรรมชาตินั้น ต้องอาศัยแพทย์ผู้มีประสบการณ์สูง ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอาการ คิ้วกระดก ยิ้มแข็ง แก้มตอบ ได้

– หากออกแบบให้โบท็อกกระจายตัวกว้าง (Dysport กว้างที่สุด > Xeomin > Nabota > Botulax)  เหมาะกับเทคนิค dermolift จะช่วยให้ผลการฉีดโบท็อกดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงเกินไป

ข้อดี คือ เหมาะกับคนที่ต้องการผลโบท็อกหน้ากระชับแบบเร่งด่วน เพราะออกฤทธิ์ไว และเหมาะกับการฉีดลดต้นแขน ลดน่องในบริเวณกว้าง

ข้อเสีย คือ โบท็อกส่วนที่ 3 ที่ทำหน้าที่ระงับกล้ามเนื้อในแต่ละเซลล์ มีความเข้มข้นโบท็อกลดลง จึงทำให้ระยะเวลาอยู่ได้สั้นลง และหากแพทย์ที่ฉีดไม่เชี่ยวชาญพอ อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิด ตาตก ปากเบี้ยว ยิ้มไม่สุด

allergan-dysport

ในภาพข้างบนนี้คือ การย้อมสีผิวหนัง เพื่อดูพื้นที่ที่โบท็อกออกฤทธิ์ จะเห็นว่าโบท็อกฝั่งขวาที่เป็นยี่ห้อ Dysport การกระจายตัวยาจะกว้างกว่าฝั่งซ้ายที่เป็นยี่ห้อ Allergan

B.ความบริสุทธิ์ของตัวยาโบท็อก และ protein complex

โบท็อก คือ โปรตีนชนิดหนึ่ง เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายจะสามารถสลายได้หมด 100% โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่ในบางคนร่างกายจะสร้างภูมิต้านทาน (antibody) ขึ้นมา ทำให้เกิดการดื้อโบท็อกขึ้นได้

ซึ่งหากเกิดการดื้อโบท็อกแล้ว antibody ของร่างกายจะจับกับโบท็อกแทน ส่งผลให้โบท็อกที่ฉีดเข้าไปไม่ออกฤทธิ์

การดื้อโบท็อกสามารถเกิดได้จากทั้ง protein ส่วนที่ 1, 2, 3 ตามข้อ A.

ส่วนที่ 3 ของโบท็อกทุกยี่ห้อจะคล้ายกัน เพราะเป็น botulinum toxin type A เหมือนกัน แตกต่างกันที่สายพันธุ์เล็กน้อยเท่านั้น

ส่วนที่ 1,2 ของโบท็อกแต่ละยี่ห้อ จะมีความแตกต่างกันดังนี้

Allergan (โบท็อกอเมริกา)

เป็นบริษัท original ของ โบท็อก ซึ่งมีงานวิจัยรับรองกว่า 3,500 งานวิจัย มาอย่างยาวนานที่สุด (ตั้งแต่ปี 1989) จึงสามารถเชื่อถือได้ว่า protein complex ส่วนที่ 1, 2 นี้ผ่านการพัฒนามา เพื่อทำให้โอกาสที่จะดื้อโบท็อกมีน้อยที่สุด และผลการรักษาดีที่สุดหากเทียบกับโบท็อกยี่ห้ออื่นๆ

โบท็อกอเมริกาจะให้ผลการรักษาที่แม่นยำที่สุด ยากระจายตัวแคบที่สุด หมอจะสามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบท็อกได้แม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีที่สุด

เหมาะกับการฉีดโบท็อก lift ด้วยเทคนิค Nefertiti lift

การฉีดโบท็อกอเมริกา เข้ากล้ามเนื้อ เพื่อให้อยู่ได้นาน และผลออกมาดูเป็นธรรมชาตินั้น ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง มิฉะนั้นจะเกิด คิ้วกระดก ยิ้มแข็ง หรือแก้มตอบ ได้

allergan botox

Dysport (โบท็อกอังกฤษ) (since1990)

Dysport จะเน้นการพัฒนาแต่ protein ในส่วนที่ 2 เท่านั้น ซึ่งเชื่อว่า การลด protein ในส่วนที่ 1 จะทำให้โอกาสในการดื้อโบท็อกน้อยลง และช่วยให้โบท็อกในส่วนที่ 3 ออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น

โบท็อกอังกฤษ มีจุดเด่นคือ จะทำให้โบท็อกกระจายได้อย่างทั่วถึง ไม่กระจุกเป็นจุดแคบๆ ซึ่งเหมาะกับการฉีดโบท็อกด้วยเทคนิค dermolift เพื่อยกกระชับหน้า จะตึงประมาณ 50% สำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับการฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่องด้วยเช่นกัน

การฉีดต้องอาศัยแพทย์ที่มีความชำนาญ และระมัดระวังในการฉีดสูง เนื่องจากโบท็อกอังกฤษตัวยากระจายตัวกว้าง หากแพทย์ไม่มีความชำนาญมากพอก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้แก่ ตาตก ยิ้มไม่สุด ปากเบี้ยว ได้

Dysport โบท็อกอังกฤษ

Xeomin (โบท็อกเยอรมัน)

Xeomin คือ โบท็อกเยอรมัน ที่เน้นพัฒนาโดยนำข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน โดยคุณสมบัติต่างๆจะอยู่กึ่งกลางระหว่างอเมริกากับอังกฤษ คือมีความบริสุทธิ์สูงและตัวยาจะไม่กระจุกตัวแคบเกินไป ทำให้ได้ผลที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงเกินไป โดยมีงานวิจัยแสดงว่า Xeomin ได้ผลดีในเคสที่เคยดื้อยา โดยที่เคสนั้น ๆ ต้องหยุดการฉีดโบท็อกมาแล้วอย่างน้อยเป็นเวลา 2-3 ปี

Xeomin โบท็อกเยอรมัน

Nabota (โบท็อกเกาหลี)

Nabota คือ โบท็อกเกาหลี ซึ่งเป็นโบท็อกเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย.อเมริกา U.S.FDA approved (2018) โดยเน้นการพัฒนาให้ออกฤทธิ์ไว

nabota_botox เกาหลี

Botulax (โบท็อกเกาหลี)

Botulax คือ โบท็อกเกาหลี ที่พยายามพัฒนาให้เหมือนยี่ห้อ Allergan (โบท็อกอเมริกา) จากประสบการณ์ที่เคยใช้มาก่อน พบว่าจะออกฤทธิ์ไวกว่าเล็กน้อย ระยะเวลาอยู่ได้สั้นกว่าเล็กน้อย แต่ราคาถูกกว่าโบท็อกอเมริกาเท่าตัว

Botulax โบท็อกเกาหลี

การฉีดโบท็อก ทุกยี่ห้อ ควรพิสูจน์ว่าเป็นของแท้ ด้วยการแกะกล่อง เปิดขวดใหม่ ดูดยา ให้คนไข้ดูต่อหน้าจนหมด และให้คนไข้สามารถนำกล่องและขวดกลับบ้านได้ครับ เพื่อความมั่นใจว่าเป็นโบท็อกแท้

บางคลินิกจะอ้างว่าต้องผสมยาในห้องปลอดเชื้อ หรือไม่สามารถเปิดเผยสูตรยาได้ อันนี้ไม่เป็นความจริง ต้องระวังครับ

เทคนิคการฉีดโบท็อก Dermolift vs Nefertiti lift แตกต่างกันอย่างไร ?

Dermolift vs Nefertiti lift

2 เทคนิคนี้ เป็นหลักการการฉีดโบท็อกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

Dermolift

คือการฉีดโบท็อกลงในชั้นผิวหนัง ซึ่งจะทำให้เกิดฤทธิ์ของ dermotoxin ส่งผลให้ผิวหนังหดตัว โดยจะฉีดในแนวจุดสีดำตามรูป เพื่อดึงหน้าขึ้น

ควรทำเฉพาะเวลาที่ต้องการผลเร่งด่วน เพราะผลจาก dermolift จะอยู่ได้เพียง 1-2 เดือน ไม่ควรทำบ่อยๆ อาจจะเพิ่มโอกาสในการดื้อโบท็อก

โบท็อกที่เหมาะกับเทคนิคนี้คือ Dysport/Nabota

Nefertiti lift

จะแบ่งกล้ามเนื้อใบหน้าออกเป็น ส่วนที่ดึงขึ้นกับส่วนที่ดึงลง ปกติ 2 ส่วนนี้จะต้านกันไว้เหมือนชักเย่อ เทคนิคนี้จะฉีดโบท็อกไปในส่วนที่ดึงลง (ดังจุดสีขาวในรูป) จะทำให้ส่วนที่ดึงขึ้น มีแรงมากกว่า และส่งผลให้ใบหน้ายกกระชับขึ้น

ผลจากการฉีดโบท็อก nefertiti lift จะอยู่ได้ประมาณ 3-4 เดือน

โดยปกติที่ V Square Clinic เราจะเน้นทำ Nefertiti lift ให้แก่คนไข้มากกว่าการทำ Dermolift เพราะอยู่นานกว่า และใช้ยูนิตโบท็อกน้อยกว่า

แต่หากคนไข้ต้องการผลเร่งด่วน สามารถทำ Dermolift คู่กับ Nefertiti lift ในครั้งเดียวกันได้

ข้อควรระวังของ โบท็อก แต่ละยี่ห้อ

Allergan (โบท็อกอเมริกา)

ในกรณีที่ต้องการฉีดโบท็อกไม่ถึง 50ยู/100ยู ควรชวนเพื่อนมาแชร์ยูนิตให้ครบ 50ยู/100ยู จะดีกว่า เพื่อเปิดขวดใหม่ ผสมต่อหน้า จะได้มั่นใจว่าได้โบท็อกของแท้ ปริมาณครบตามราคาจริงที่จ่ายไป

เพราะมีหลาย ๆ คลินิกเอาโบท็อกเกาหลีธรรมดาใส่ขวด Allergan มาฉีดให้ก็ได้ผลใกล้เคียงกัน คนไข้ก็แยกไม่ออก เพราะตึงเหมือนกัน ต่างกันที่ระยะเวลาและโอกาสในการดื้อยา ซึ่งเรื่องการดื้อยาเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังและให้ความสำคัญมาก ๆ

หลังฉีดควรจะเก็บขวดและกล่องกลับบ้าน หรือถ่ายรูปเก็บไว้ เพื่อไว้ตรวจสอบว่าเป็นยาแท้จริงๆ

Dysport (โบท็อกอังกฤษ)

ข้อควรระวังคือ การนับ unit ของโบท็อกอังกฤษ จะต่างจาก โบท็อกยี่ห้ออื่น

250 unit ของ โบท็อกอังกฤษ จะเทียบเท่ากับโบท็อกยี่ห้ออื่นๆ 100 unit 

ซึ่งมีบางคลินิกนำไปโฆษณา โบท็อกอังกฤษ 100ยู ในราคาถูกๆ แต่แท้จริงแล้วคือเทียบเท่าแค่ 40ยู

Botulax (โบท็อกเกาหลี)

เจอยาปลอม ยาหิ้วเยอะมากครับ

บางคลินิกนำยาปลอมมาใส่ในขวดโบท็อกเกาหลีแท้ แล้วเอามาฉีดให้คนไข้

พอไม่ได้ผล ก็อ้างว่าเป็นเพราะคนไข้เลือกของเกาหลี แล้วก็แนะนำให้ใช้ของอเมริกา

จากนั้น เมื่อคนไข้จ่ายเงินเพิ่ม ถึงจะเอาโบท็อกเกาหลีแท้ใส่ขวดโบท็อกอเมริกา มาฉีดให้ โดยคนไข้ไม่รู้

Nabota (โบท็อกเกาหลี)

ในบางคลินิกมีการโฆษณาว่า Nabota โบท็อกเกาหลีเห็นผลทันทีหลังฉีด ซึ่งไม่เป็นความจริง ที่ฉีดแล้วตึงทันทีเป็นอาการบวมเข็มจากน้ำเกลือ ซึ่งถึงแม้ฉีดด้วยโบท็อกยี่ห้ออื่น ๆ ก็เกิดผลหลังฉีดทันทีคล้าย ๆ กันได้

สำหรับผู้ที่กำลังหาว่าจะ ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี นอกจากจะพิจารณาจากยี่ห้อ Botox แล้ว ควรเลือกแพทย์ที่ชำนาญ คลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ผลออกมาดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่มีผลข้างเคียง

ขอบคุณข้อมูลจาก vsquareclinic.com