เสริมจมูก
การเสริมจมูก เป็นการทำศัลยกรรมที่มีคนนิยมทำกันมากที่สุดในบรรดาการเสริมความงามต่าง ๆ ซึ่งการเสริมดั้งจะส่งผลต่อรูปหน้าโดยรวมให้ได้รับการปรับเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ปัจจุบันนี้เทคนิคในเรื่องการเสริมจมูกได้รับการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ที่จะช่วยเนรมิตให้ใบหน้าดูสวยอย่างสมบูรณ์แบบและดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
จนหลายคนอาจมองว่าการเสริมจมูกเป็นเรื่องเล็กที่ตัดสินใจทำได้อย่างง่ายดาย แต่ความจริงแล้วก่อนจะตัดสินใจเสริมดั้งควรมีการศึกษาข้อมูลในหลาย ๆ เรื่องให้เข้าใจเป็นอย่างดีก่อน เพื่อเลือกรูปทรงจมูกที่สวยงาม เหมาะสมกับใบหน้าของตัวเอง และปลอดภัยมากที่สุด
ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจทำจมูก/เสริมดั้ง
คำถามแรกที่มักเกิดขึ้นในความคิดของคนที่อยากจะทำจมูก มักจะหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า ทำจมูกที่ไหนดี ? แต่ในความเป็นจริงแล้วนอกจากสถานที่ที่จะเข้าไปใช้บริการเสริมจมูกแล้ว ยังมีข้อมูลสำคัญอื่น ๆ อีกที่เรายังควรต้องศึกษาก่อนจะตัดสินใจทำศัลยกรรมจมูก เช่น การเลือกแพทย์ที่จะทำการผ่าตัด ควรเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการเสริมจมูก
และเป็นแพทย์ที่มีรายชื่ออยู่ในสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย เพื่อที่จะสามารถเชื่อมั่นและไว้วางใจได้ว่าเป็นคุณหมอศัลยกรรมที่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะทำจมูกของเราออกมาได้อย่างสวยงามและปลอดภัย
ส่วนในด้านการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสถานที่หรือคลินิกเสริมจมูกที่เราจะเลือกเพื่อเข้ารับการผ่าตัด ควรเลือกทำกับคลินิกทำจมูกหรือโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงน่าไว้วางใจ และควรสอบถามถึงเทคนิคพิเศษที่ใช้ว่ามีอะไรบ้าง และในแต่ละรูปแบบของการเสริมจมูกราคาเท่าไร และสุดท้ายที่ลืมไม่ได้เลยคือควรสอบถามในเรื่องการเตรียมตัวในขั้นตอนทั้งก่อนผ่าตัดและการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด
การเสริมจมูกมีกี่แบบ ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบมีอะไรบ้าง?
เมื่อถามถึงวิธีการทำศัลยกรรมจมูก โดยหลักแล้วจะมี 2 วิธี ได้แก่ 1.การเสริมจมูกโดยใช้เนื้อเยื่อตัวเอง 2.การเสริมจมูกโดยใช้วัสดุภายนอก วิธีเสริมจมูกโดยการใช้เนื้อเยื่อตัวเองนั้นจะนิยมใช้ในชิ้นส่วนในร่างกายของตัวเองเพื่อให้ร่างกายมองว่าไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายต้องต่อต้าน เช่น ส่วนของกระดูกอ่อนหลังใบหู กระดูกซี่โครง หรือไขมันในร่างกาย
ส่วนอีกวิธีการหนึ่งคือการเสริมจมูกโดยใช้วัสดุภายนอก นิยมใช้ ซิลิโคน ซึ่งเป็นวัสดุที่มีปลอดภัยสูง นอกจากจะพิจารณาเรื่องวิธีการเสริมจมูกแล้ว ยังจะต้องพิจารณาถึงรูปแบบในการเสริมจมูกที่มีหลายแบบแตกต่างกันอีกด้วย ดังจะกล่าวในหัวข้อถัดไปนี้
การศัลยกรรมจมูก หลักๆ แบ่งออกเป็น 2 วิธี ได้แก่ คือ 1.การใช้เนื้อเยื่อตัวเอง 2.การใช้วัสดุภายนอก ซึ่งการใช้เนื้อเยื่อตัวเองนั้นจะใช้ในส่วนของ กระดูกซี่โครง กระดูกอ่อนหลังหู หรือไขมัน แต่ในส่วนของการใช้วัสดุภายนอก วัสดุที่ได้รับความนิยม คือ ซิลิโคน นอกจากนี้การเสริมจมูกยังมีรูปแบบในการเสริมจมูกที่แตกต่างกัน
2 รูปแบบหลัก ๆ ของการเสริมจมูก มีดังนี้
1. การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique)
วิธีการแรกคือการเสริมจมูกแบบเปิด หรือที่เรียกกันอีกแบบหนึ่งว่า การเสริมจมูกแบบโอเพ่น คุณหมอจะทำการเปิดแผลบริเวณฐานจมูก และมีการกรีดผ่าเป็นแนวดิ่งจนกระทั่งเห็นแกนจมูก จากนั้นจึงแยกผิวหนังออกจากโครงสร้างของจมูก จะมีแผนผ่าตัดทั้งด้านในและภายนอกจมูก
วิธีการนี้จะช่วยให้แพทย์ที่ทำการผ่าตัดมองเห็นโครงสร้างของจมูกได้ทั้งหมด จึงมีการเปรียบเทียบว่าการเสริมจมูกแบบโอเพ่นเป็นเสมือน “การเปิดลิ้นชักให้กว้าง เพื่อทำการจัดสิ่งของให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้ง่ายกว่า การแง้มเปิดลิ้นชักเพียงเล็กน้อย”
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องโครงสร้างจมูก เช่น คนที่มีจมูกคดเบี้ยวผิดรูป จมูกฮัมพ์ (สันจมูกปูดนูนขึ้นมา) จมูกสั้น หรือกรณีคนไข้ที่เคยเสริมจมูกมาก่อนหน้านี้แล้วมีปัญหาเกิดขึ้นจึงต้องการแก้ไขจมูกใหม่
ซึ่งการทำจมูกวิธีนี้สามารถจัดแต่งและปรับแก้โครงสร้างพื้นฐานเดิมที่มีปัญหาได้ง่ายขึ้นและตรงจุด เช่น การตะไบกระดุกสันจมูกที่ปูดนูนขึ้นมา (ฮัมพ์) ให้เรียบขึ้น, การตกแต่งกระดูกเดิมที่คดเบี้ยวให้ตรงมากขึ้น, หรือการตกแต่งเฉพาะส่วนปลายจมูกโดยทำจมูกให้ปลายพุ่งขึ้น เป็นต้น
การเสริมจมูกแบบเปิดทำได้ทั้งในผู้หญิงผู้และชาย สามารถปรับแก้ทรงจมูกได้ตามความต้องการของคนไข้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมที่ศัลยแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยด้วย โดยสามารถทำจมูกโดยการเสริมด้วยซิลิโคน พร้อมกับการปรับแต่งโครงสร้างจมูก และทำการรองปลายจมูกโดยการใช้กระดูกเนื้อเยื่อของคนไข้เอง เช่น กระดูกอ่อนซี่โครง, กระดูกอ่อนหลังใบหู, กระดูกอ่อนด้านในจมูก เพื่อป้องกันการทะลุในอนาคตได้อีกด้วย
ซึ่งในกรณีการเสริมจมูกผู้ชาย ที่มักจะทรงจมูกแตกต่างจากผู้หญิงคือ ทรงจมูกผู้ชายจะมีแกนจมูกใหญ่ บาน และนูน คุณหมอจะทำการปรับแก้ทรงจมูกให้ได้รูปสวยงามมากยิ่งขึ้นโดยการตะไบเหลาจมูกให้เล็กลง หรือใช้วิธีการตอกฐานจมูกเพื่อให้ทรงจมูกดูเรียวเล็กลงอย่างได้รูปสวยงามมากขึ้น
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบเปิด (Open Technique)
– เป็นวิธีการเสริมจมูกแบบธรรมชาติ สามารถปรับแต่งจมูกให้ดูกลมกลืนไปกับใบหน้าได้อย่างสวยงาม
– สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกได้อย่างตรงจุด
– ลดความกังวลเรื่องการเกิดจมูกเบี้ยว ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อยมาก
– ลดโอกาสที่จะเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้เป็นอย่างดี
– สามารถตกแต่งโดยรองปลายจมูกเพื่อป้องกันจมูกทะลุได้ในการผ่าตัดคราวเดียวกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์เป็นกรณีไป
– สามารถปรับแต่งจมูกเพื่อแก้ปัญหา กระดูกคดเบี้ยวผิดรูป จมูกฮัมพ์ (สันจมูกปูด) จมูกสั้น
ข้อเสียการทำจมูกแบบเปิด (Open Technique)
– เป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ยาสลบ
– เป็นการผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลานานกว่าวิธีเสริมจมูกแบบปิด
– อาจมีอาการบวมช้ำหลังการผ่าตัดนานกว่าการผ่าตัดทำจมูกแบบปิด และใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
– เป็นการเสริมจมูกที่มีราคาค่อนข้างสูง
– การผ่าตัดแบบเปิดไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นง่าย หรือเคยเป็นแผลเป็นคีลอยด์มาก่อน
2. การเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique)
วิธีการที่สองคือ การเสริมจมูกแบบปิด เป็นวิธีการเสริมดั้งแบบทั่วไปที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มประเทศอาเซียนและในประเทศไทย เพราะเป็นเทคนิคการทำจมูกที่ใช้เวลาพักฟื้นไม่นานมาก ไม่ต้องลางานนาน เพราะแผลมีขนาดเล็กและไม่บวมมาก และสามารถแก้ไขปัญหาจมูกได้ดีพอสมควร ดังเช่นการยกปลายจมูกและการเพิ่มสันจมูกให้โด่งยิ่งขึ้น
การทำจมูกแบบปิดเป็นการผ่าตัดเปิดแผลด้านในรูจมูก หนึ่งหรือสองข้าง โดยแพทย์จะเหลาซิลิโคนให้เหมาะสมกับโครงสร้างจมูก ใช้ยาชาฉีดเฉพาะบริเวณจมูกเพื่อระงับความรู้สึกระหว่างทำการผ่าตัด จากนั้นจะสร้างช่องว่างสำหรับใส่ซิลิโคนในตำแหน่งระหว่างเหนือกระดูกอ่อน และใต้เยื่อหุ้มกระดูกที่เป็นส่วนของกระดูกแข็ง จากนั้นจะทำการใส่ซิลิโคนเข้าไปในจมูก ปรับรูปทรงให้เข้าที่และเหมาะสม แผลผ่าตัดจะถูกซ่อนอยู่ข้างในรูจมูกทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะเห็นรอยแผลบนใบหน้า
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Technique)
– เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมที่ใช้เวลาไม่นาน
– ไม่ต้องวางยาสลบ เพียงแต่ฉีดยาชาเฉพาะบริเวณจมูก
– ค่ารักษาไม่แพง ค่าทำศัลยกรรมตกแต่งไม่แพง
– ผลการผ่าตัดออกมาจมูกสวย ผลการผ่าตัดมักเป็นที่น่าพอใจ ได้จมูกสวยงามเหมาะสมกับรูปหน้า
– ใช้เวลาในการพักฟื้นเพียงระยะสั้น ๆ
ข้อเสียของการทำจมูกแบบปิด (Closed Technique)
– เมื่อเทียบความเป็นไปได้ในแง่ความเสี่ยงของการเกิดจมูกเบี้ยวแล้ว มีโอกาสที่อาจเกิดจมูกเบี้ยวมากกว่าการเสริมจมูกแบบเปิด
– แก้ไขปัญหาจมูกได้เพียงบางปัญหาเท่านั้น แต่กรณีปัญหาในเรื่องจมูกใหญ่และจมูกสั้นวิธีนี้จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้
– เป็นวิธีที่ยากต่อการแก้ไข และมีข้อจำกัดว่าคนไข้ต้องมีเนื้อเยื่อบริเวณจมูกที่มากกว่าการผ่าตัดทำจมูกแบบปิด
นอกเหนือจากประเด็นในเรื่องวิธีการผ่าตัดเสริมจมูกที่ต้องเลือกว่าจะทำแบบเปิด หรือแบบปิดแล้ว ยังมีเรื่องการเลือกใช้ซิลิโคนที่จะใช้เสริมเข้าไปในจมูกอีกด้วย
ซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูกมีกี่ประเภท
อีกคำถามหนึ่งที่คนที่อยากได้จมูกสวยแบบดารา-นักร้องชื่อดัง มักจะสอบถามขอคำปรึกษาจากศัลยแพทย์ก่อนจะตัดสินใจทำก็คือ ควรเลือกใช้ซิลิโคนแบบไหนดี ซิลิโคนเสริมจมูกมีกี่แบบ แต่ละเกรดราคาต่างกันอย่างไรบ้าง
ซึ่งจากที่เคยสอบถามกับคลินิกทำจมูกหลาย ๆ แห่งก็มักจะได้รับคำตอบที่แตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทางคลินิกมักจะเชียร์ให้เลือกใช้ซิลิโคนตัวที่ทางคลินิกแห่งนั้นนำมาใช้ อันที่จริงในยุคนี้ซิลิโคนมีหลายเกรดมากๆ แต่ละเกรดก็นำเข้ามาจากแหล่งต่าง ๆ เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งซิลิโคนแต่ละเกรดก็จะมีทั้งความนิ่ม ความแข็งที่แตกต่างกันให้เลือกอีก
และในแต่ละชนิดก็จะมีข้อดี ข้อเสียในตัวมันเอง ซึ่งก็จะเหมาะสมกับแต่ละคนไป นอกจากนี้ราคาซิลิโคนของแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย ดังนั้นเราควรศึกษาหาข้อมูลเปรียบเทียบให้ดีก่อนตัดสินใจว่าจะเลือกใช้ซิลิโคนแบบไหนดี
เป็นที่ทราบกันดีว่า การเสริมจมูกโดยการใช้ซิลิโคน แพทย์ต้องใช้ความละเอียดประณีตเป็นอย่างมากในการผ่าตัดเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาปลายจมูกทะลุจากซิลิโคนที่เลื่อนตัวลงมา หรือซิลิโคนทะลุภายในรูจมูก เป็นต้น ดังนั้นจึงมีวิทยาการทางเลือกอื่นๆ ที่ศัลยแพทย์จะใช้ดุลยพินิจว่า ควรใช้การเสริมจมูกแบบไหน เช่น การใช้เนื้อเยื่อกระดูกอ่อนของตนเองร่วมด้วยในขั้นตอนการเสริมจมูก อันเป็นวิธีการที่ผสมผสานระหว่างการเสริมด้วยซิลิโคน และเนื้อเยื่อกระดูกอ่อน
การเสริมจมูกด้วยกระดูกอ่อนของตัวเราเอง
การทำจมูกนอกเหนือจากจะใช้ซิลิโคนเสริมเข้าไปแล้ว วิวัฒนาการในยุคนี้ได้ก้าวหน้ามาจนถึงความนิยมที่จะทำดั้งโดยใช้กระดูกอ่อนของตัวคนไข้เองมาเสริมจมูก โดยกระดูกอ่อนจาก 3 ตำแหน่งใหญ่ ๆ ดังต่อไปนี้คือตำแหน่งที่ศัลยแพทย์นิยมนำมาใช้ในการผ่าตัดตกแต่งเสริมจมูก
1.กระดูกอ่อนหลังใบหู
เป็นตำแหน่งที่นิยมนำมาใช้ในการเสริมจมูกมากที่สุด เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในเรื่องซิลิโคนทะลุจมูก โดยนำกระดูกอ่อนหลังใบหูมาใส่รองไว้ที่บริเวณปลายจมูก เพิ่มความหนาของเนื้อเยื่อในส่วนจมูก และเพื่อป้องกันไม่ให้ซิลิโคนไปสัมผัสโดยตรงกับผิวส่วนปลายจมูก ซึ่งแพทย์จะทำการผ่าตัดนำกระดูกอ่อนออกมาจากเบ้าในใบหูของคนไข้ อย่างระมัดระวังไม่ให้รูปทรงใบหูของคนไข้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม โดยสามารถนำกระดูกอ่อนจากใบหูมาใช้ได้ทั้ง 2 ข้าง กระดูกอ่อนจากใบหูจะมีความโค้งงอเล็กน้อย จึงเหมาะสมต่อการนำมาใช้ประกอบกับการเสริมด้วยซิลิโคน
2.กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก (Septum)
ในการผ่าตัดของฝรั่ง หากคนไข้ต้องการผ่าตัดเพื่อปรับโครงสร้างของจมูกจะแนะนำให้ใช้กระดูกอ่อนของผนังกั้นจมูกเป็นมาตรฐานอย่างแรกเสมอ ซึ่งกระบวนการผ่าตัดทั้งหมดจะรวมอยู่ในการเปิดจมูกเพียงครั้งเดียว โดยไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดในตำแหน่งอื่นอีก จึงนับว่าเป็นข้อดีเป็นอย่างมาก วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีปลายจมูกงุ้ม โครงสร้างจมูกไม่แข็งแรง จมูกไม่โด่ง ไม่พุ่ง วิธีนี้ใช้ในการแก้จมูกแบบเทคนิคเปิด โดยเป็นการยืดผนังกั้นจมูก ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดนำกระดูกอ่อน septum ซึ่งอยู่ตรงบริเวณกึ่งกลางระหว่างรูจมูกทั้ง 2 ข้าง โดยนำออกมาบางส่วน แล้วนำมาวางในตำแหน่งที่จะเสริมและปรับให้เหมาะสม เพื่อต่อเติมให้โครงสร้างจมูกดูยาวและดูแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ปลายจมูกจะดูพุ่งสวยงามมากขึ้น
3.กระดูกอ่อนซี่โครง
เทคนิคการทำดั้งด้วยกระดูกอ่อนซี่โครงเป็นวิธีการที่เราต่างเคยได้ยินกันมาอย่างยาวนานหลายสิบปีแล้ว กรรมวิธีคือศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณใต้ราวนม ความยาวแผนประมาณ 2-3 เซนติเมตร เพื่อผ่าเลาะนำเอาชิ้นส่วนกระดูกซี่โครงอ่อนขนาดประมาณ 3-5 เซนติเมตร มาใช้เป็นวัสดุในการเสริมดั้งให้โด่งมากขึ้น โดยการเสริมจมูกด้วยเทคนิคนี้จะต้องมีการดมยาสลบร่วมด้วย และทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญสูง จึงใช้เวลาในการผ่าตัดค่อนข้างนาน
ทรงจมูกแบบไหน ที่เหมาะกับใบหน้า
จมูกสวยทรงที่ฮิตมาก ๆ และเป็นทรงจมูกในดวงใจของใครหลาย ๆ คนก็คือ “ทรงหยดน้ำ” เป็นการตกแต่งโดยเสริมส่วนปลายของจมูกให้มีความยาวเพิ่มขึ้นโดยมีรูปทรงคล้ายกับหยดน้ำ จมูกทรงนี้เหมาะกับคนที่มีเนื้อจมูกอยู่พอสมควรและมีรูปจมูกค่อนข้างยาวอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ส่วนทรงจมูกยอดนิยมอีกทรงหนึ่งที่ฮิตมาก ๆ ในบรรดาเหล่าดารา-ไอดอลเกาหลีรวมถึงดาราไทยก็คือ “ทรงสโลปปลายพุ่ง” ซึ่งเหมาะกับคนที่มีปัญหาดั้งจมูกไม่สมส่วนหรือดั้งจมูกไม่โด่ง จมูกทรงปลายพุ่งเมื่อทำออกแล้วจะทำให้ดูมีสันจมูกที่สวยคมได้รูป
ส่วนปลายจมูกที่พุ่งจะส่งผลให้ปลายจมูกดูเรียวเล็กลง จะได้ใบหน้าที่สวยหวานขึ้น และช่วยให้หน้าดูเด็กลงได้อีกด้วย ( 7 ทรงจมูกสุดฮิตที่สาว ๆ นิยมทำมากที่สุด 2020)
อย่างไรก็ดี การจะเลือกทรงจมูกให้คุณหมอทำจมูกให้ ไม่ใช่เพียงแค่เลือกทำตามแบบของไอดอล-ดาราที่ตัวเราชื่นชอบแต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาถึงปริมาณเนื้อจมูกเดิม และโครงหน้าเดิมของตัวเราด้วย ว่าจะเหมาะกับการทำจมูกแบบไหน รูปทรงไหน เพราะทรงจมูกเดียวกันไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำออกมาสวยเหมือนกันหมด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก
เมื่อตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูกแล้ว ผู้เข้ารับการผ่าตัดควรเข้ารับคำปรึกษากับทางศัลยแพทย์ เพื่อหารือร่วมกันถึงแนวทางในการผ่าตัด พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างครบถ้วน ได้แก่ แพ้ยาตัวไหนบ้าง มีโรคประจำตัวอะไรบ้าง กำลังรับประทานยาตัวไหนอยู่บ้าง เช่น ยาในกลุ่มแอสไพริน และไอบิวโพรเฟน เพื่อให้คุณหมอทราบข้อมูลและนำไปใช้ในการวางแผนผ่าตัดได้อย่างรัดกุมและปลอดภัยมากที่สุด และตัวคนไข้เองก็ควรดูแลสุขภาพให้พร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัดทำจมูก ดังต่อไปนี้
– ควรงดสูบบุหรี่ และงดการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
– ควรงดรับประทานอาหารจำพวกของหมักดอง ของแสลง
– ควรงดรับประทานอาหารทะเล
– ควรงดรับประทานวิตามินอาหารเสริมทุกชนิดก่อนเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูก
– ควรสระผมให้เรียบร้อยก่อนเข้าผ่าตัด และงดแต่งหน้า-ทาเล็บ
– สามารถรับประทานอาหารก่อนเข้ารับการผ่าตัดได้ โดยไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร
การดูแลตัวเองหลังไปเสริมจมูก
ระยะเวลา 1 เดือนแรกหลังเข้ารับการผ่าตัดเสริมจมูกถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ต้องดูแลตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งทาง We clinic จะมีเอกสารใบคำแนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดอย่างละเอียด เช่น ควรงดการสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งจะมีผลในเรื่องการสมานแผลอาจทำให้แผลหายช้า ควรระมัดระมัดระวังไม่ให้บริเวณจมูกได้รับการกดทับหรือการกระทบกระเทือน ควรหลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาแบบหนัก ห้ามขยี้จมูก ห้ามแคะ แกะ เกาบริเวณจมูก เพราะหลังผ่าตัดเนื้อจมูกจะยังไม่แข็งแรง
วิธีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดเสริมจมูก
– ให้ประคบเย็น ในช่วงหลังผ่าตัด 1 – 2 วันแรก เพื่อช่วยเพื่อให้เลือดหยุดไหลเร็วขึ้น เพราะถ้าหากไม่ทำการประคบเย็นอาจทำให้เกิดเลือดออกและมีพังผืดในจมูกเกิดขึ้น และควรนอนโดยยกศีรษะให้สูงเพื่อช่วยให้อาการบวมยุบหายได้เร็วขึ้น
– ใช้การประคบอุ่น ในช่วง 4-5 วันหลังผ่าตัด เพื่อลดรอยช้ำ เมื่อเลือดหยุดไหล แผลเริ่มหายสนิท
– ควรใช้ไม้พันสำลีเช็ดน้ำเกลือ หรือยาฆ่าเชื้อโรคตามที่แพทย์แนะนำในการทำความสะอาดแผลในโพรงจมูก สามารถล้างหน้าได้แต่ควรล้างอย่างเบา ๆ
– ไม่รับประทานอาหารแสลงที่อาจทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารรสชาติเผ็ด เค็ม อาหารที่ร้อนจัด ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามสูบบุหรี่ ควรดูแลตัวเอง หลีกเหลี่ยงบริเวณที่มีฝุ่นละอองเพื่อป้องกันการจามหรือไอ หากมีอาการปวดสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ และเมื่อถึงกำหนดนัดให้ไปพบแพทย์เพื่อตัดไหม
ข้อมูลที่เราได้รวบรวมสรุปมาให้ในวันนี้คงพอจะช่วยให้คนที่อยากเสริมจมูกได้ความรู้มากพอสมควร ส่วนสาว ๆ คนไหนที่อยากได้จมูกสวย อย่างปลอดภัย แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำจมูกหมอไหนดี we clinic เป็นคลินิกเสริมจมูกในกรุงเทพ ที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และมีประสบการณ์สูง ใส่ใจในทุกๆรายละเอียด ด้วยเทคนิคการเสริมจมูกที่ออกแบบให้ได้สัดส่วนพอเหมาะกับใบหน้าของคนไข้แต่ละท่าน เพื่อจมูกที่ดูสวยแบบเป็นธรรมชาติ พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย สะอาดปลอดภัย ได้มาตรฐาน
ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก https://weclinicbkk.com