ดูดไขมัน Vaser
ไขมัน ฝันร้ายของสาวๆหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ไขมันต้นแขน ไขมันต้นขา ไขมันหน้าท้อง หรือไขมันในส่วนอื่น ๆ ที่เป็นตัวการทำให้หุ่นสวยๆของผู้หญิงโดนทำร้าย เพราะไขมันที่สะสมในร่างกายนี้นอกจากจะย้วย ดูหย่อนยานไม่น่ามองแล้ว ก็ยังทำให้ใส่เสื้อผ้าก็ลำบาก คับหรือแน่นอึดอัดไปหมด แม้กระทั้งเดินแต่ละทีก็ลำบากเพราะขาสองข้างเบียดสีกัน แต่ในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมที่ทันสมัยและกำลังเป็นที่นิยมของผู้ที่สนใจอยากจะกำจัดไขมันเจ้าปัญหานี้ให้หายไป ด้วยการสลายไขมัยอัลตราซาวด์หรือการดูดไขมันVaser นั่นเอง
ดูดไขมันแบบ Vaser คืออะไร ?
Vaser Liposuction เป็นการดูดไขมันหรือการลดไขมันเฉพาะส่วน เป็นวิธีการที่จะใช้พลังงานเสียงหรืออัลตราซาวนั่นเอง เข้าไปช่วยในการทำให้ไขมันแยกชั้น หลังจากนั้นก็จะใช้เครื่องดูดออกมา เป็นวิธีที่ช่วยลดการทำให้เกิดอันตรายต่อเนื้อเยื้อ นับว่าเป็นนวัตกรรมที่ดูดไขมันเฉพาะส่วนได้เป็นอย่างดี
ดูดไขมันแบบ Vaser เหมาะกับใคร ?
การดูดไขมันแบบ veser เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปร่างที่ไม่สมสัดส่วนและต้องการลดไขมันเฉพาะสัดส่วนเท่านั้น ต้องขอบอกว่าการลดไขมันเฉพาะส่วนนี้ อย่างที่ชื่อบอกไปว่าเฉพาะส่วน นั่นก็หมายความว่า ไม่ได้เป็นการลดน้ำหนักแต่อย่างใด หลายคนยังเข้าใจผิดอยู่เพราะถึงไขมัจะถูกกำจัดแล้วน้ำหนักตัวก็ยังเท่าเดิม
การดูดไขมันจึงเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ออกกำลังกายหรืออดอาหารแล้วก็ไม่เป็นผล หรือผู้ที่ต้องการกระชับสัดส่วนพร้อมกับแก้ไขให้ผิวเรียบเนียน โดยตำแหน่งที่สามารถดูดไขมันได้ เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง สะโพก น่อง
โดยผลลัพธ์ที่ได้คือ สัดส่วนที่เป็นไขมันในส่วนที่ไม่ต้องการจะหายไป เราสามาถเห็นผลได้ตั้งแต่ 1 – 2 วัน หลังทำ และจะยังคงอยู่ไปจนถึงเดือนที่ 4 – 6 ผิวจะมีความเรียบเนียนกระชับได้ผลดี และถ้าอยากให้ผลลัพธ์จะคงอยู่ถาวรได้นานนั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองด้วย หมั่นออกกำลังกายและไม่รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันเยอะจนเกินไป ไม่เช่นนั้นไขมันที่ดูดออกไปก็จะกลับมาอีก
ข้อดี-ข้อเสีย ของการดูดไขมันแบบ Vaser
การดูดไขมันแบบvaserได้รับรองแล้วว่ามีความปลอดภัยสูง หลังจากดูดเสร็จสามารถฟื้นตัวได้เร็วและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันหลังการทำ 1 วัน และใช้เวลาในการพักฟื้นหรือหยุดงาน3-4วัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลไม่ให้แผลติดเชื้อต่างๆอีกด้วย vaserยังช่วยกระชับสัดส่วนได้มากที่สุด และเนื้อเยื้อข้างเคียงถูกทำลายน้อย เห็นผลเร็วหลายคนเป็นกังวลว่าจะเกิดผิวเปลือกส้ม ตอบเลยว่า ไม่มีแน่นอนแถมยังได้รูปทรงที่ออกมาสวยอีกด้วย
ส่วนข้อเสียต้องยอมรับว่าการดูดไขมันในปัจจุบันทั้งการดูดไขมัน Vaser ก็เช่นกัน จะค่อนข้างมีราคาสูง และดูดไขมันออกมาปริมาณน้อยถ้าหากไม่ควบคู่กับวิธีอื่นๆ
บริเวณที่สามารถดูดไขมันได้
ตอนทำต้องฉีดยาชาหรือไม่ ?
แน่นอนค่ะว่าการดูดไขมันจะต้องฉีดยาชา เพราะว่ามันปลอดภัยมากกว่าถ้าเทียบกับการใช้ยาสลบ แถมไม่เจ็บบริเวณดูดไขมันอีกด้วย
นอกจากนวัตกรรมที่ทันสมัยแล้ว เทคนิคการดูดไขมันซึ่งต้องทำโดยแพทย์ที่มีฝีมือและความชำนาญมีประสบการณ์มากพอ เพราะฉะนั้น ผู้ที่สนใจดูดไขมันจะต้องเลือกแพทย์ที่เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว รวมถึงสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ มีเครื่องมือบริการพร้อม เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นไปตามคาดหวัง
การเตรียมตัวก่อนการดูดไขมันแบบ Vaser
- ศึกษาข้อมูลและสถานพยาบาลที่จะทำการดูดไขมัน
- ควรเข้าพบแพทย์ ปรึกษาปัญหากับแพทย์อย่างละเอียด
- งดรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก่อนทำการดูดไขมัน 2 สัปดาห์ เพราะอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- งดสูบบุหรี่ก่อนทำ 2 สัปดาห์ และห้ามรับประทานของหมักดอง เช่น ส้มตำปูปลาร้า
- หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยาอย่างเช่นไทรอยด์เป็นพิษ เพราะจะมีผลกับยาชา ควรต้องแจ้งแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาก่อนทำ
ขั้นตอนการดูดไขมัน vaser
การดูแลตัวเองหลังการดูดไขมันแบบ Vaser
- ชุดกระชับสำหรับตำแหน่งที่สำคัญ เช่น ต้นขา หน้าท้อง
- ทานยาตามแพทย์สั่ง
- ควรงดออกกำลังกาย 1 เดือนหลังการทำ
- งดแฮลกอฮอล 1 เดือน และห้ามรับประทานของหมักดอง เช่น ส้มตำปูปลาร้า
การดูดไขมันแบบ Vaser มีแผลเป็นหรือไม่
หลายคนคงเป็นกังวลว่าดูดไขมันแล้วจะมีผลข้างเคียงอะไรบ้าง หากการดูดไขมันโดยแพทย์ผู้ไร้ประสบการณ์ ก็จะส่งผล ให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น เกิดแผลเป็น เกิดการอักเสบในบริเวณที่รับการรักษา ภาวะไขมันหรือลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด และขั้นตอนการรักษาอาจทำให้เกิดความเสี่ยง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกแพทย์ที่จะทำการรักษาด้วย
สำหรับใครที่กำลังสนใจดูดไขมันแบบ vaser อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญอีกเรื่องคือ ต้องแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น ไม่เช่นนั้นอาจเกิดความผิดพลาดที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นได้
ขอบคุณรูปภาพจาก dermaster-thailand.com